ระบบไฟฟ้าเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทุกกิจกรรมภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่พักอาศัย สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม การมีระบบไฟฟ้าภายในอาคารที่มีเสถียรภาพและปลอดภัยจึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย วันนี้ Sunny Emergency Light ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแสงสว่างและไฟฟ้าฉุกเฉิน จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับพื้นฐานของไฟฟ้าในอาคารให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ
ระบบไฟฟ้าในอาคารคืออะไร และสำคัญอย่างไร?
ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร คือ การวางโครงข่ายและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำพลังงานไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือการไฟฟ้านครหลวงเข้ามาแปลงและกระจายไปสู่จุดใช้งานต่างๆ ทั่วทั้งอาคาร ตั้งแต่ระบบปรับอากาศ แสงสว่าง ไปจนถึงเต้ารับสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้งานกันในชีวิตประจำวัน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ต้องผ่านการออกแบบและควบคุมอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด
ความสำคัญของไฟฟ้าในอาคารที่ได้มาตรฐานนั้นมีมากกว่าแค่การมีไฟฟ้าใช้ แต่ยังหมายถึงรากฐานความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของอาคาร การออกแบบและการติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัย หรืออันตรายจากไฟดูด นอกจากนี้ ระบบที่มีประสิทธิภาพยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และรองรับการขยายหรือต่อเติมในอนาคตได้อย่างราบรื่น การลงทุนกับระบบไฟฟ้าภายในอาคารที่ดีจึงเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของทุกคนในอาคาร
ส่วนประกอบหลักของระบบไฟฟ้าภายในอาคารที่ควรรู้จัก
เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของระบบไฟฟ้าภายในอาคารได้ดียิ่งขึ้น เราจำเป็นต้องรู้จักกับส่วนประกอบหลักต่างๆ ที่ทำงานประสานกัน ตั้งแต่จุดรับไฟฟ้าจากภายนอกจนถึงปลายทางที่อุปกรณ์ไฟฟ้าครับ
ระบบไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage): จุดเริ่มต้นการรับไฟ
ไฟฟ้าที่ส่งมาจากโรงไฟฟ้าจะมีแรงดันสูงมาก เมื่อเดินทางมาถึงอาคารขนาดใหญ่หรือโรงงาน จะต้องผ่าน “หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer)” ซึ่งทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าให้ลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปภายในอาคาร (ปกติคือ 220V สำหรับไฟ 1 เฟส และ 380V สำหรับไฟ 3 เฟส) หม้อแปลงจึงเป็นเหมือนประตูบานแรกสุดของ ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ที่รับพลังงานเข้ามา
ระบบไฟฟ้าแรงต่ำ (Low Voltage): การกระจายไฟสู่การใช้งาน
หลังจากไฟฟ้าถูกแปลงแรงดันแล้ว จะเข้าสู่ระบบแรงต่ำเพื่อกระจายไปยังส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ใกล้ชิดกับผู้ใช้งานมากที่สุด การจัดการไฟฟ้าในอาคารในส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเสถียรในการใช้งาน โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้
- ตู้ควบคุมไฟฟ้าหลัก (MDB – Main Distribution Board): เปรียบเสมือนหัวใจของการจ่ายไฟฟ้าในระบบแรงต่ำ ทำหน้าที่รับไฟจากหม้อแปลงและเป็นศูนย์กลางในการควบคุมและป้องกันหลักของระบบไฟฟ้าภายในอาคารทั้งหมด ภายในประกอบด้วยเซอร์กิตเบรกเกอร์หลัก (Main Circuit Breaker) ที่จะตัดวงจรทันทีเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ
- ตู้ควบคุมไฟฟ้าย่อย (DB – Distribution Board): หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ “ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต” สำหรับบ้านพักอาศัย ตู้ DB จะรับไฟต่อมาจากตู้ MDB เพื่อแยกจ่ายไฟไปยังพื้นที่หรือชั้นต่างๆ ของอาคาร ทำให้การบริหารจัดการไฟฟ้าในอาคาร และการซ่อมบำรุงในแต่ละโซนทำได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
- วงจรย่อย (Sub-Circuits): คือสายไฟฟ้าที่แยกออกจากตู้ DB ไปยังจุดใช้งานต่างๆ เช่น วงจรสำหรับแสงสว่าง, วงจรสำหรับเต้ารับในห้องนอน, หรือวงจรสำหรับเครื่องปรับอากาศ การแยกวงจรย่อยช่วยป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าดับทั้งอาคารเมื่อมีปัญหาแค่จุดเดียว และเป็นหัวใจสำคัญของการติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารที่ปลอดภัย
- สายไฟฟ้า เต้ารับ และสวิตช์: เป็นส่วนประกอบปลายทางที่ผู้ใช้งานสัมผัสโดยตรง การเลือกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ต้องได้มาตรฐาน มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน เพื่อป้องกันปัญหาสายไฟร้อนหรือการลัดวงจร ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบไฟฟ้าภายในอาคารที่ปลอดภัย
ระบบไฟฟ้าสำรอง (Backup Power System) หัวใจสำคัญยามฉุกเฉิน
ในปัจจุบันที่ไฟฟ้ากลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ การเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับอาจสร้างความเสียหายมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นการหยุดชะงักของธุรกิจ ข้อมูลสำคัญสูญหาย หรือความปลอดภัยที่ลดลงในยามค่ำคืน ดังนั้น ระบบไฟฟ้าภายในอาคารสมัยใหม่จึงจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าสำรองเป็นส่วนประกอบสำคัญด้วย
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator)
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือ Generator เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันดีเซลหรือเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เหมาะสำหรับการสำรองไฟในระยะยาวเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดับเป็นเวลานาน สามารถจ่ายไฟให้กับระบบสำคัญๆ ของอาคารได้ เช่น ลิฟต์, ระบบปรับอากาศ, หรือเครื่องจักรในสายการผลิต ถือเป็นปราการด่านสำคัญที่ทำให้กิจกรรมในอาคารดำเนินต่อไปได้แม้ในภาวะวิกฤต
ระบบสำรองไฟต่อเนื่อง (UPS – Uninterruptible Power Supply)
UPS ทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ได้ทันทีที่ไฟฟ้าหลักดับโดยไม่มีการหน่วงเวลาแม้แต่วินาทีเดียว แม้จะจ่ายไฟได้ในระยะเวลาสั้นๆ (5-30 นาที) แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อน เช่น คอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์, หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่ให้เสียหายหรือข้อมูลสูญหายจากปัญหาไฟตก ไฟกระชาก หรือไฟดับกะทันหัน ก่อนที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะเริ่มทำงาน

พื้นฐานการติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารที่ถูกต้องและปลอดภัย
การออกแบบและวางระบบที่ดีจะไร้ความหมาย หากขั้นตอนการติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารไม่ได้มาตรฐานและขาดความปลอดภัย ดังนั้น การให้ความสำคัญกับขั้นตอนการติดตั้งจึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด
มาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าที่ควรรู้ (อ้างอิง วสท.)
ในประเทศไทยการติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารจะต้องเป็นไปตาม “มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย” ซึ่งจัดทำโดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) มาตรฐานนี้ครอบคลุมข้อกำหนดต่างๆ ตั้งแต่การเลือกขนาดสายไฟ, วิธีการเดินสาย, การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน ไปจนถึงการต่อลงดิน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าภายในอาคารมีความปลอดภัยสูงสุด
การวางแผนและออกแบบวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น
ก่อนเริ่มติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารควรมีการวางแผนที่ดี โดยคำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้า (Load) ของแต่ละพื้นที่ เพื่อกำหนดขนาดของสายไฟและเซอร์กิตเบรกเกอร์ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการแบ่งโซนวงจรย่อยอย่างเป็นระบบ เพื่อความสะดวกในการใช้งานและการบำรุงรักษาในอนาคต
ความสำคัญของการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มอก.
อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้นที่ใช้ในระบบไฟฟ้าภายในอาคารตั้งแต่สายไฟ, ท่อร้อยสายไฟ, เซอร์กิตเบรกเกอร์, เต้ารับ ไปจนถึงสวิตช์ ควรได้รับเครื่องหมายรับรอง “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” หรือ มอก. ซึ่งเป็นการรับประกันได้ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นผ่านการทดสอบด้านคุณภาพและความปลอดภัยมาแล้ว
ทำไมต้องเลือกช่างไฟฟ้าผู้ชำนาญ?
การติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคารเป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง การเลือกใช้ช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่างานติดตั้งจะเป็นไปตามมาตรฐาน วสท. มีการเชื่อมต่อวงจรที่ถูกต้อง ปลอดภัย และสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับไฟฟ้าในอาคารของคุณได้ การประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเลือกช่างที่ไม่มีความชำนาญอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงในระยะยาวได้
การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารเพื่อยืดอายุการใช้งาน
เช่นเดียวกับระบบอื่นๆ ระบบไฟฟ้าภายในอาคารก็ต้องการการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยตลอดอายุการใช้งานของอาคาร
การตรวจสอบประจำปีที่จำเป็น
อาคารควรมีการจัดตารางตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในอาคารประจำปีโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะครอบคลุมการตรวจสอบตู้ MDB/DB, การขันแน่นของจุดต่อสายไฟต่างๆ, การทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ป้องกัน และการใช้กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermoscan) เพื่อหาจุดที่มีความร้อนสูงผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าระบบไฟฟ้าอาจมีปัญหา
ผู้ใช้งานอาคารควรหมั่นสังเกตสัญญาณเตือนเบื้องต้นของปัญหาไฟฟ้าในอาคารหากพบอาการเหล่านี้ควรรีบติดต่อช่างผู้ชำนาญทันที
- ไฟกะพริบหรือสว่างไม่คงที่
- เบรกเกอร์ตัดไฟบ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ได้กลิ่นไหม้บริเวณแผงควบคุมหรือเต้ารับ
- สวิตช์หรือเต้ารับมีความร้อนสูงเมื่อสัมผัส
- ได้ยินเสียงดังผิดปกติจากตู้ไฟฟ้า

สรุปบทความ
การทำความเข้าใจพื้นฐานของระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ตั้งแต่ส่วนประกอบหลักอย่างระบบแรงสูง-แรงต่ำ ไปจนถึงความสำคัญของระบบไฟฟ้าสำรอง, มาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าภายในอาคาร, และการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้กับผู้อยู่อาศัยทุกคน การลงทุนกับระบบไฟฟ้าที่ดีและได้มาตรฐานคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
และเมื่อพูดถึงความปลอดภัยด้านไฟฟ้าในภาวะฉุกเฉิน อุปกรณ์โคมไฟฉุกเฉินและตู้ควบคุมจาก SUNNY คือคำตอบที่ไว้วางใจได้ เรามีตู้ควบคุมระบบไฟฉุกเฉิน (Central Control Unit) ที่พร้อมทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าภายในอาคารของคุณได้อย่างไร้รอยต่อ มีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามความต้องการ
- CCU 12V Series ตู้ควบคุมขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับอาคารขนาดเล็กถึงกลาง มาพร้อมระบบทดสอบตัวเองอัตโนมัติ มั่นใจได้ว่าพร้อมใช้งานเสมอ
- CCU 24V Series เพิ่มกำลังไฟและความสามารถในการเชื่อมต่อโคมไฟได้มากขึ้น เหมาะสำหรับอาคารขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการระบบที่ครอบคลุมและเสถียรภาพสูง
- INV 220V Series นวัตกรรมตู้แปลงไฟที่สามารถใช้กับโคมไฟแสงสว่างเดิมในอาคารได้ทันที ทำให้หลอดไฟปกติกลายเป็นไฟฉุกเฉินเมื่อไฟดับ ติดตั้งง่ายและคงความสวยงามของสถาปัตยกรรมเดิม
สนใจสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จาก SUNNY ได้ที่
- ร้านค้า ShopeeMall บน Shopee
- ร้านค้า LazMall บน LAZADA
- ร้านค้า NocNoc บน NocNoc
- Line Official @SunnyThailand
- Email [email protected]
หรือเลือกซื้อสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรดอย่าง ไทวัสดุ โฮมโปร เมกะโฮม Bean & Beyond หรือ ตัวแทนจำหน่ายไฟฉุกเฉิน SUNNY ใกล้บ้านคุณ และหากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโคมไฟฉุกเฉิน และอุปกรณ์อื่น ๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ 02-378-1034