Skip to content

มาตรฐานการติดตั้งและขนาดสัญลักษณ์ของป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน: ข้อกำหนดที่สำคัญสำหรับความปลอดภัย

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบความปลอดภัยของอาคาร ซึ่งช่วยให้ผู้อาศัยสามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉินต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าป้ายสามารถมองเห็นและเข้าใจได้ง่าย

มาตรฐานที่สำคัญในการติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน ได้แก่ ระยะทางระหว่างป้าย ขนาดของสัญลักษณ์ ความสูงในการติดตั้ง และระดับความสว่างของป้าย ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ช่วยให้ป้ายสามารถทำหน้าที่เป็นแนวทางนำผู้คนไปสู่ทางออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ความสูงและตำแหน่งการติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

1.1 ตำแหน่งติดตั้งป้ายทางออกฉุกเฉิน

  • ป้ายด้านบน (หลัก): ขอบล่างของป้ายต้องสูงจากพื้น 2 – 2.7 เมตร
  • ป้ายด้านล่าง (เสริม): ขอบล่างของป้ายต้องสูงจากพื้น 15 – 20 เซนติเมตร
  • ป้ายฝังพื้น: ใช้ในเส้นทางหนีภัย โดยต้องเป็นชนิดกันน้ำและไม่เป็นอุปสรรคในการอพยพ

1.2 ระยะห่างระหว่างป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  • ป้ายที่มีขนาดสัญลักษณ์ 10 เซนติเมตร ต้องมีระยะห่างไม่เกิน 24 เมตร
  • สามารถเพิ่มระยะห่างโดยเพิ่มขนาดของสัญลักษณ์ โดยใช้สูตร: 
  • ตัวอย่าง: ถ้าต้องการระยะห่าง 36 เมตร ขนาดของสัญลักษณ์ต้องไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร

2. ขนาดของป้ายไฟทางออกฉุกเฉินและสัญลักษณ์

2.1 องค์ประกอบของป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  • สัญลักษณ์ (Pictorial Element): ลูกศร, คนวิ่งผ่านประตู
  • สีพื้นหลัง: สีเขียว
  • สีสัญลักษณ์: สีขาว

2.2 ขนาดของสัญลักษณ์

3. จุดที่ต้องติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  • เหนือประตูทางออก (Final Exit)
  • บริเวณจุดเปลี่ยนระดับ เช่น บันได ทางลาด
  • ทางแยก ทางเลี้ยว
  • จุดที่มีอุปกรณ์ดับเพลิง และอุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้
  • บริเวณที่มีโอกาสเกิดควันไฟ เพื่อให้สามารถมองเห็นป้ายได้แม้ในสภาวะฉุกเฉิน

4. มาตรฐานความสว่างของป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  • ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินต้องให้แสงสว่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 120 นาที ในกรณีไฟฟ้าดับ
  • ต้องใช้แหล่งพลังงานสำรอง เช่น แบตเตอรี่ หรือระบบจ่ายไฟกลาง
  • ความสว่างของป้ายต้องไม่ต่ำกว่า 8 แคนเดลาต่อตารางเมตร

5. ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินแบบเรืองแสงและไฟฟ้า

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินมีสองประเภทหลัก ได้แก่

  1. ป้ายเรืองแสง (Photoluminescent Exit Sign) – ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า สามารถดูดซับแสงและปล่อยแสงในที่มืด
  2. ป้ายไฟฟ้า (Internally Illuminated Exit Sign) – ใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้า และมีระบบแบตเตอรี่สำรอง

ทั้งสองแบบมีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่ป้ายไฟฟ้าทางออกฉุกเฉินเป็นที่นิยมมากกว่าในอาคารที่มีระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน

6. การบำรุงรักษาป้ายไฟทางออกฉุกเฉิน

  • ตรวจสอบไฟทุก 6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้ตามมาตรฐาน
  • ทดสอบแบตเตอรี่เป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าไฟสำรองสามารถทำงานได้ในกรณีฉุกเฉิน
  • ทำความสะอาดป้ายเป็นประจำ เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน

สรุป

ป้ายไฟทางออกฉุกเฉินถือเป็นมาตรการสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยของอาคาร โดยการออกแบบและติดตั้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ทั้งในเรื่องระยะห่าง, ขนาดสัญลักษณ์, ความสูงในการติดตั้ง และระดับความสว่าง เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและนำทางผู้ใช้อาคารได้อย่างปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน หรือ มาตรฐานความปลอดภัยในอาคาร สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้มาตรฐานระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและโคมไฟฟ้าป้ายทางออกฉุกเฉิน พ.ศ. 2565 (วสท. 021004-22)