ปัญหาไฟตกบ่อย ทั้งบ้านและเกิดจากอะไร เพราะไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญในชีวิตประจำวัน แต่ยังส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่หลอดไฟกะพริบ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่หยุดทำงานหรือชำรุดเสียหายได้ มากไปกว่านั้นหากคุณเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม หรืออาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ก็อาจทำให้ศูนย์เสียรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวเลยทีเดียว การทำความเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาไฟตกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะสามารถหาวิธีแก้ไขและป้องกันไฟตก ไม่ให้สร้างความเสียหายลุกลาม บทความนี้ Sunny Emergency Light จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการไฟตกบ่อยครั้ง พร้อมแนะนำแนวทางการตรวจสอบเบื้องต้น วิธีการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้คุณใช้ไฟฟ้าได้อย่างสบายใจและความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ไฟตก คืออะไร
ไฟตก หรือในทางเทคนิคเรียกว่า Voltage Sag หรือ Voltage Dip คือ สภาวะที่แรงดันไฟฟ้าในบ้านหรืออาคารลดต่ำลงกว่าระดับปกติชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วแรงดันไฟฟ้ามาตรฐานสำหรับบ้านพักอาศัยในประเทศไทยคือ 220 Volt หากแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่านี้ก็จะเริ่มส่งผลกระทบต่อการทำงานของ อุปกรณ์ไฟฟ้า ต่างๆ สัญญาณเตือนที่คุณสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อเกิดไฟตก ได้แก่
- หลอดไฟสว่างน้อยลง กะพริบถี่ๆ หรือหรี่ลงเอง
- พัดลมหมุนช้าลง หรือมอเตอร์มีเสียงครางผิดปกติ
- เครื่องปรับอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ คอมเพรสเซอร์แอร์ตัดบ่อย หรือมีแต่ลมออกมา
- โทรทัศน์จอภาพหดเล็กลง สีเพี้ยน หรือมีเส้นรบกวน
- คอมพิวเตอร์รีสตาร์ตเอง หรือหน้าจอดับไปเฉยๆ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดที่มีมอเตอร์ เช่น ตู้เย็น ปั๊มน้ำ อาจหยุดทำงานชั่วขณะ หรือมีเสียงดังผิดปกติ
ไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก ต่างกันอย่างไร?
เพื่อให้เข้าใจปัญหาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ควรแยกความแตกต่างระหว่าง ไฟตก ไฟดับ และไฟกระชาก
- ไฟตก (Voltage Sag/Dip) คือ แรงดันไฟฟ้าลดต่ำลงกว่าปกติชั่วคราว ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติหรือหยุดทำงาน แต่ไฟยังไม่ดับสนิท
- ไฟดับ (Power Outage/Blackout) คือ สภาวะที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายเข้าระบบเลย ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง
- ไฟกระชาก (Voltage Spike/Surge) คือ สภาวะที่แรงดันไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าระดับปกติในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมาก อาจทำให้แผงวงจรไหม้หรือเสียหายถาวรได้
สาเหตุหลักที่ทำให้ไฟตกบ่อย รู้ทันป้องกันได้
ไฟตกบ่อยสามารถแบ่งสาเหตุหลักๆ ออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือ ปัญหาจากปัจจัยภายนอก และปัญหาจากปัจจัยภายในบ้านหรืออาคาร ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป
ปัญหาจากภายนอกบ้านหรืออาคาร
บางครั้งปัญหาไฟตกไม่ได้เกิดจากบ้านหรืออาคารของคุณโดยตรง แต่อาจมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก ดังนี้
หม้อแปลงไฟฟ้ามีปัญหา หรือมีการใช้ไฟเกินในพื้นที่
หม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้าที่จ่ายไฟให้ในพื้นที่ของคุณอาจมีปัญหา เช่น เก่าเกินไป ชำรุด หรือมีขนาดไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในชุมชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง (Peak Hour) เช่น ตอนเย็นหรือวันหยุด อาจทำให้แรงดันไฟฟ้าตกได้ในวงกว้าง ปัญหาไฟตกจากสาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นกับบ้านหลายหลังหรือาคารในละแวกเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าโดยรวม
สายส่งไฟฟ้าชำรุด หรืออุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ
สายไฟส่งกำลังของการไฟฟ้าอาจชำรุดจากหลายสาเหตุ เช่น ต้นไม้หรือกิ่งไม้ใหญ่ล้มทับสายไฟ เสาไฟฟ้าถูกรถชน หรือเกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก น้ำท่วม ทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง และส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร เกิดอาการไฟตกหรือไฟดับได้ในที่สุด อุบัติเหตุเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุไฟตกที่พบได้
ปัญหาจากภายในบ้านหรือาคาร
นี่คือกลุ่มสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด สำหรับบ้านหรืออาคารหลายๆ แห่ง เพราะเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าภายในพื้นที่และลักษณะการใช้งานโดยตรง
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟสูงพร้อมกัน (Overload)
การเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟมากพร้อมๆ กันหลายชิ้น เช่น เครื่องปรับอากาศหลายเครื่อง เครื่องทำน้ำอุ่น เตารีดไฟฟ้า ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ในเวลาเดียวกัน ทำให้ระบบไฟฟ้าภายในพื้นที่ต้องจ่ายกระแสไฟเกินกำลังที่ออกแบบไว้ ส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าตกอย่างรวดเร็ว การจัดการการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าจึงสำคัญมากเพื่อความปลอดภัย
อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านหรือาคารชำรุด สายไฟเก่า หรือปลั๊กหลวม
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เก่า ชำรุด หรือมีปัญหาภายในวงจร อาจดึงกระแสไฟฟ้ามากกว่าปกติ หรือทำให้เกิดการลัดวงจรเล็กๆ ที่ส่งผลต่อแรงดันไฟฟ้าได้ นอกจากนี้สายไฟภายในบ้านหรืออาคารที่เก่าเกินไป ฉนวนเสื่อมสภาพ กรอบแตก หรือมีขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟ รวมถึงปลั๊กไฟหรือเต้ารับที่หลวม ไม่แน่น ก็เป็นจุดที่ทำให้กระแสไฟฟ้าเดินไม่สะดวก เกิดความร้อนสูง และเป็นสาเหตุไฟตกได้เช่นกัน การตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า และสายไฟเป็นประจำช่วยลดปัญหานี้ได้
การเดินสายไฟไม่ได้มาตรฐาน หรือขนาดสายไฟไม่เหมาะสม
หากระบบไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคารถูกติดตั้งโดยช่างที่ไม่มีความชำนาญ หรือใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ อาจมีการเดินสายไฟที่ผิดหลักมาตรฐาน ขนาดสายไฟเล็กเกินไปไม่สัมพันธ์กับโหลดการใช้งาน หรือมีการต่อพ่วงสายไฟอย่างไม่ถูกต้อง จุดเชื่อมต่อต่างๆ ไม่แน่นหนา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบไฟฟ้าขาดเสถียรภาพ และนำไปสู่ปัญหาไฟตกบ่อยครั้งได้ เพื่อความปลอดภัยควรให้ช่างไฟที่มีประสบการณ์ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
มิเตอร์ไฟฟ้ามีปัญหาหรือขนาดไม่เพียงพอ
มิเตอร์ไฟฟ้า (หรือมาตรวัดไฟฟ้า) ที่หน้าบ้านหรือาคารก็อาจเป็นสาเหตุได้ หากมิเตอร์ไฟฟ้าชำรุด หรือมีขนาด (แอมป์) เล็กเกินไป ไม่สอดคล้องกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่แท้จริงของ (เช่น มีการต่อเติมบ้าน เพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก แต่ไม่ได้ขอเพิ่มขนาดมิเตอร์กับการไฟฟ้า) ก็จะทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟได้อย่างเพียงพอ และเกิดอาการไฟตกเมื่อมีการใช้ไฟสูง ควรปรึกษาการไฟฟ้าหรือช่างไฟเพื่อประเมินขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสม
ไฟตกบ่อย ทำอย่างไรดี? วิธีตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น
เมื่อบ้านหรืออาคารของคุณประสบปัญหาไฟตกบ่อยครั้ง การทราบวิธีตรวจสอบและวิธีแก้ไขไฟตกเบื้องต้นจะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น
ขั้นตอนตรวจสอบง่ายๆ ด้วยตัวเองเมื่อไฟตก
ก่อนจะเรียกช่างไฟหรือแจ้งการไฟฟ้าลองตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตนเองดังนี้
- สังเกตพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า ช่วงเวลาที่เกิดไฟตกคุณกำลังใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอะไรบ้าง? มีการเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากพร้อมกันหรือไม่? ลองจดบันทึกเพื่อหาแบบแผน
- ทดลองปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า หากสงสัยว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นใดเป็นสาเหตุ ลองปิดการใช้งานทีละชิ้น แล้วสังเกตว่าอาการไฟตกหายไปหรือไม่
- ตรวจสอบเบรกเกอร์ ดูว่ามีเบรกเกอร์ย่อยในตู้ควบคุมไฟ (Consumer Unit) ที่ทริป (ตก) หรือไม่ หากมี ลองดันกลับขึ้นไป หากทริปซ้ำๆ อาจมีปัญหาที่วงจรนั้นหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต่ออยู่
แนวทางแก้ไขปัญหาไฟตกจากสาเหตุภายนอก (การแจ้งการไฟฟ้า)
หากตรวจสอบแล้วพบว่าปัญหาไฟตกน่าจะมาจากปัจจัยภายนอก เช่น เกิดขึ้นพร้อมกันหลายบ้านหรือาคารในละแวกเดียวกัน หรือสงสัยว่าหม้อแปลงหรือสายไฟของการไฟฟ้ามีปัญหา วิธีแก้ไขไฟตกที่ดีที่สุดคือการแจ้งปัญหาไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA): ติดต่อสายด่วน 1129
- การไฟฟ้านครหลวง (MEA): ติดต่อสายด่วน 1130
แจ้งรายละเอียดของปัญหา สถานที่ และเบอร์ติดต่อกลับให้ชัดเจน เจ้าหน้าที่จะเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขต่อไป
วิธีแก้ปัญหาไฟตกจากสาเหตุภายในบ้านหรืออาคาร
หากมั่นใจว่าสาเหตุไฟตกมาจากภายในบ้านหรือาคารของคุณเอง มีหลายวิธีแก้ไขไฟตกที่สามารถทำได้ ดังนี้
จัดตารางการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดการใช้งานพร้อมกัน
พยายามหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟสูงหลายชิ้นพร้อมกัน เช่น ไม่เปิดแอร์พร้อมกับใช้เครื่องทำน้ำอุ่นและเตารีด การกระจายการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้จะช่วยลดภาระของระบบไฟฟ้าและลดโอกาสเกิดไฟตกได้
ตรวจสอบและเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ
หมั่นตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟปลั๊กไฟ เต้ารับ หากพบว่าชำรุด เก่า หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที อย่าฝืนใช้งานต่อ เพราะนอกจากจะทำให้ไฟตกแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายถึงขั้นไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ได้
ปรึกษาช่างไฟเพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าในบ้านหรืออาคาร
หากปัญหายังคงอยู่ หรือไม่แน่ใจในระบบไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคาร การเรียกช่างไฟผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด ช่างไฟจะสามารถประเมินระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบขนาดสายไฟคุณภาพการติดตั้ง จุดต่อต่างๆ และเบรกเกอร์ได้อย่างละเอียด พวกเขาอาจแนะนำให้เดินสายไฟใหม่บางจุด เปลี่ยนเบรกเกอร์ให้มีขนาดเหมาะสม หรือแม้กระทั่งขอเพิ่มขนาดมิเตอร์ไฟฟ้ากับการไฟฟ้าหากจำเป็น เพื่อให้ระบบไฟฟ้า รองรับการใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การลงทุนปรับปรุงระบบไฟฟ้าจะช่วยแก้ปัญหาไฟตก ได้อย่างยั่งยืนและเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านหรืออาคารของคุณ
ป้องกันเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายจากไฟตก ทำได้อย่างไร?
ปัญหาไฟตกไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังเป็นภัยเงียบที่อาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อน การป้องกันไฟตกและผลกระทบจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ติดตั้งเครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า (Stabilizer/AVR) คุ้มค่าหรือไม่?
เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า (Automatic Voltage Regulator หรือ Stabilizer) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยรักษาแรงดันไฟฟ้าให้คงที่และสม่ำเสมอ เมื่อเกิดไฟตกหรือไฟเกินเล็กน้อย เครื่องจะปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยก่อนจ่ายไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต่อพ่วงอยู่ เหมาะสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้า เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ตู้เย็น หรือปั๊มน้ำ
เครื่องสำรองไฟ (UPS) ทางเลือกสำหรับอุปกรณ์สำคัญ
เครื่องสำรองไฟ (Uninterruptible Power Supply หรือ UPS) ทำหน้าที่คล้ายเครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าแต่มีแบตเตอรี่ในตัว ทำให้สามารถจ่ายไฟสำรองให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต่ออยู่ได้อีกระยะหนึ่งเมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับสนิท เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครือข่าย (เช่น เราเตอร์โมเด็ม) หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดเล็ก เพื่อให้มีเวลาบันทึกข้อมูล ปิดเครื่องได้อย่างถูกต้อง หรือใช้งานต่อเนื่องได้ชั่วคราว การมี UPS เป็นการป้องกันไฟตกและไฟดับที่ดีเยี่ยมสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญ
เลือกใช้ปลั๊กพ่วงกันไฟกระชาก ปลอดภัยกว่าจริงหรือ?
ปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Protector) ช่วยป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากปัญหาไฟกระชากได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับปัญหาไฟตกปลั๊กพ่วงประเภทนี้อาจไม่สามารถช่วยแก้ไขได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ปลั๊กพ่วงที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน มอก. ก็เป็นพื้นฐานสำคัญของความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าและช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาไฟฟ้าอื่นๆ ได้
ข้อควรปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงเครื่องใช้ไฟฟ้าพัง
นอกจากการใช้อุปกรณ์ช่วยแล้ว ยังมีข้อควรปฏิบัติอื่นๆ เพื่อช่วยป้องกันไฟตกและลดความเสี่ยงที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อ่อนไหว เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์
- หากสังเกตเห็นอาการไฟตกบ่อยครั้ง เช่น ไฟกะพริบ ควรปิดและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าสำคัญทันที เพื่อรอให้แรงดันไฟฟ้ากลับสู่สภาวะปกติ
- อย่าใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีอาการผิดปกติ เช่น มีเสียงดัง มีกลิ่นไหม้ หรือร้อนจัด เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่รุนแรงกว่าเดิม
สรุปบทความ
ปัญหาไฟบ้านหรืออาคารตกบ่อยเกิดจากอะไรนั้นมีหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่ปัญหาภายนอกที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ของการไฟฟ้าไปจนถึงปัญหาภายในอคาร เช่น การใช้ไฟเกินกำลังสายไฟเก่า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด การทำความเข้าใจสาเหตุไฟตกและวิธีแก้ไขไฟตกที่ถูกต้อง รวมถึงการรู้จักวิธีป้องกันไฟตกไม่ให้สร้างความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และช่วยรักษารายได้สำคัญสำหรับอาคารพาณิชย์ที่ต้องทำธุรกิจทุกวัน
ปัญหาไฟตกหรือไฟดับบ่อยครั้ง ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของแสงสว่างฉุกเฉิน โคมไฟฉุกเฉิน SUNNY เป็นอุปกรณ์ที่คิดค้นมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านและอาคาร ออกแบบให้ประหยัดพลังงาน ไม่กินไฟ ส่องสว่างได้ยาวนาน และพร้อมใช้งานตลอดเวลาเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มั่นใจได้ว่าภายในอาคารของคุณจะมีแสงสว่างนำทางเสมอ และสำหรับท่านที่กำลังมองหาไฟฉุกเฉินและแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉิน คุณภาพสูงเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ สามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของเราได้ที่เว็บไซต์ Sunny Emergency Light
สนใจสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จาก SUNNY ได้ที่
- ร้านค้า ShopeeMall บน Shopee
- ร้านค้า LazMall บน LAZADA
- ร้านค้า NocNoc บน NocNoc
- Line Official @SunnyThailand
- Email [email protected]
หรือเลือกซื้อสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรดอย่าง ไทวัสดุ โฮมโปร เมกะโฮม Bean & Beyond หรือ ตัวแทนจำหน่ายไฟฉุกเฉิน SUNNY ใกล้บ้านคุณ และหากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโคมไฟฉุกเฉิน และอุปกรณ์อื่น ๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ 02-378-1034