ปัญหาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นภาระสำคัญของครัวเรือนไทยในปัจจุบัน นอกจากจะกระทบกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนแล้ว การใช้ไฟฟ้าอย่างฟุ่มเฟือยยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าอีกด้วย วันนี้ Sunny Emergency Light ได้รวบรวม 20 วิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ช่วยลดทั้งค่าไฟและการปล่อยคาร์บอน ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยรักษาเงินในกระเป๋าของคุณ แต่ยังเป็นการช่วยรักษาโลกของเราไปพร้อมกันอีกด้วย มาติดตามกันได้ในบทความนี้
1. เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้ใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่าหรือรุ่นที่ไม่มีฉลากประหยัดไฟ ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 10-30% ต่อปี แม้ว่าอาจมีราคาสูงกว่าในตอนซื้อ แต่สามารถคืนทุนได้ในระยะยาวจากค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
2. เลือกขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การเลือกขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมาก เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เช่น ตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศ จะใช้พลังงานมากกว่าที่จำเป็น ส่งผลให้เสียค่าไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์ ควรประเมินความต้องการใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น พิจารณาจำนวนสมาชิกในครอบครัว ขนาดพื้นที่ใช้สอย และระยะเวลาในการใช้งาน เพื่อให้ได้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าที่สุด
3. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าที่คิด แม้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะอยู่ในโหมดสแตนด์บายหรือปิดสวิตช์แล้ว แต่หากยังเสียบปลั๊กอยู่ ก็ยังคงมีการใช้ไฟฟ้าที่เรียกว่า “ไฟรั่ว” หรือ “กระแสไฟฟ้ารอ” ซึ่งอาจคิดเป็น 5-10% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องชาร์จมือถือ ที่ควรถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน
4. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม (25-27 องศาเซลเซียส)
การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25-27 องศาเซลเซียสเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูงที่สุดในบ้าน การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ถึง 10% ทุกๆ 1 องศาที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การใช้พัดลมร่วมกับเครื่องปรับอากาศจะช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึงและช่วยให้รู้สึกเย็นสบายแม้จะตั้งอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ
การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่หลายคนมักมองข้าม แผ่นกรองอากาศที่สกปรกจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาระดับความเย็น ส่งผลให้ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 5-15% ควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2-4 สัปดาห์ และล้างคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนทุก 6-12 เดือน หรือเรียกช่างมาบำรุงรักษาประจำปี นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
6. ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟแบบเดิม
การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED เป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่คุ้มค่าในระยะยาว หลอดไฟ LED ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้แบบเดิมถึง 75-90% และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 15-25 เท่า แม้จะมีราคาสูงกว่าหลอดไฟแบบเดิม แต่การประหยัดค่าไฟและค่าเปลี่ยนหลอดในระยะยาวทำให้คุ้มค่ากว่ามาก นอกจากนี้ หลอด LED ยังมีหลากหลายรูปแบบ สี และความสว่างให้เลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน
7. ใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าเมื่อมีผ้าเต็มถัง
การรอให้มีผ้าเต็มถังก่อนซักหรืออบเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การซักผ้าครั้งละน้อยๆ ทำให้สิ้นเปลืองทั้งน้ำและไฟฟ้า เพราะเครื่องซักผ้าจะใช้พลังงานใกล้เคียงกันไม่ว่าจะซักผ้าปริมาณเท่าใด ควรซักครั้งละเต็มถังหรือตามขีดความสามารถที่เหมาะสม นอกจากนี้ การตากผ้าแทนการใช้เครื่องอบผ้าจะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า เพราะเครื่องอบผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูงมาก
8. ละลายน้ำแข็งในตู้เย็นเป็นประจำ
การละลายน้ำแข็งในตู้เย็นเป็นประจำเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่หลายคนมักลืมนึกถึง การสะสมของน้ำแข็งในช่องแช่แข็งทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้น และใช้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 10-15% ควรละลายน้ำแข็งในช่องแช่แข็งทุก 3-6 เดือน สำหรับตู้เย็นรุ่นที่ไม่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ (No Frost) นอกจากนี้ ควรตรวจสอบยางขอบประตูตู้เย็นให้อยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยรั่ว เพื่อป้องกันความเย็นรั่วไหล
9. ใช้แสงสว่างจากธรรมชาติให้มากที่สุด
การใช้แสงสว่างจากธรรมชาติเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ง่ายและได้ผลดีที่สุด การเปิดม่านหรือมู่ลี่ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในบ้านช่วยลดการใช้ไฟฟ้าจากหลอดไฟได้อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว แสงธรรมชาติยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายผลิตวิตามินดี ลดความเครียด และช่วยให้รู้สึกสดชื่นมีพลัง ควรออกแบบบ้านให้มีหน้าต่างหรือช่องแสงที่เหมาะสม และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ไม่บังแสง
10. ปลูกต้นไม้เพื่อลดความร้อนรอบบ้าน
การปลูกต้นไม้รอบบ้านเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ช่วยให้ร่มเงาและลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงได้ 3-6 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ลดการใช้เครื่องปรับอากาศลงได้ถึง 15-30% นอกจากนี้ ต้นไม้ยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปล่อยออกซิเจน ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์และลดมลพิษ ควรเลือกปลูกต้นไม้ทางทิศตะวันตกและทิศใต้ของบ้าน ซึ่งเป็นด้านที่ได้รับแสงแดดมากที่สุด
11. ใช้ระบบตั้งเวลาสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า
การใช้ระบบตั้งเวลาสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ช่วยให้ควบคุมการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นต้องเปิดตลอดเวลา เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น หรือไฟส่องสว่างภายนอกบ้าน รวมไปถึงไฟฉุกเฉินตั้งเวลาอัตโนมัติก็ช่วยได้เช่นกัน การตั้งเวลาให้เปิด-ปิดอัตโนมัติช่วยป้องกันการลืมปิด และช่วยให้ใช้งานเฉพาะในช่วงเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ Smart Home ที่สามารถควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนได้ ช่วยให้จัดการการใช้พลังงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
12. เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน
การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทนเป็นอีกทางเลือกในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืน ปัจจุบันมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดที่ใช้พลังงานจากแหล่งธรรมชาติ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เช่น โคมไฟสนาม เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ หรือแม้แต่เครื่องชาร์จมือถือพลังงานแสงอาทิตย์ แม้จะมีราคาสูงกว่าแบบทั่วไป แต่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้า
13. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนหลังคาและผนัง
การติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนหลังคาและผนังเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว โดยเฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างประเทศไทย ฉนวนกันความร้อนช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นลง ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้ถึง 30-40% วัสดุที่นิยมใช้ เช่น ฉนวนใยแก้ว ฉนวนโฟม หรือแผ่นสะท้อนความร้อน แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง แต่จะคุ้มค่าในระยะยาวจากค่าไฟฟ้าที่ลดลง
14. ติดตั้งกระจกประหยัดพลังงาน
การติดตั้งกระจกประหยัดพลังงานเป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระจกประเภทนี้มีคุณสมบัติในการกรองรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้ความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้น้อยลง โดยยังคงยอมให้แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ตามปกติ มีหลายประเภท เช่น กระจกเคลือบโลว์อี (Low-E Glass) กระจกสองชั้น (Double Glazing) หรือกระจกเทมเปอร์ที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน การติดตั้งกระจกประหยัดพลังงานสามารถลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศได้ถึง 20-30%
15. ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์เป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนที่สุด ระบบนี้จะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้า และลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมาก ในบางกรณีอาจลดลงถึง 70-90% หรือแทบไม่มีค่าไฟฟ้าเลย แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่สูง แต่จะคุ้มทุนภายใน 5-8 ปี และมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 25 ปี นอกจากนี้ ยังมีโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ช่วยให้คุณขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย
16. ใช้สีทาบ้านโทนอ่อนเพื่อสะท้อนความร้อน
การเลือกใช้สีทาบ้านโทนอ่อนเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่เรียบง่ายแต่ได้ผลดี สีโทนอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือเบจ มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงและความร้อนได้ดีกว่าสีเข้ม ทำให้ตัวบ้านดูดซับความร้อนน้อยลง อุณหภูมิภายในบ้านจึงเย็นกว่า ลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศได้ถึง 10-15% ปัจจุบันมีสีทาบ้านประเภทสะท้อนความร้อนโดยเฉพาะ ที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดียิ่งขึ้น แม้จะมีราคาสูงกว่าสีทั่วไป แต่คุ้มค่าในระยะยาว
17. ออกแบบบ้านให้มีช่องระบายอากาศที่ดี
การออกแบบบ้านให้มีช่องระบายอากาศที่ดีเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ควรคำนึงถึงตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง การระบายอากาศที่ดีช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดความร้อนสะสมภายในบ้าน และลดการใช้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลม ควรออกแบบให้มีหน้าต่างหรือช่องลมตรงข้ามกัน เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติ และติดตั้งช่องระบายอากาศบริเวณหลังคาเพื่อระบายความร้อนที่สะสมในช่องว่างใต้หลังคา จะช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ถึง 3-5 องศาเซลเซียส
18. ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อบังแดด
การปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อบังแดดเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ให้ประโยชน์หลายด้าน ต้นไม้ใหญ่ช่วยสร้างร่มเงาให้กับตัวบ้าน ลดปริมาณแสงแดดที่ส่องตรงเข้าบ้าน ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงได้ถึง 5-10 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ลดการใช้เครื่องปรับอากาศลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยกรองฝุ่น ดูดซับมลพิษ และสร้างออกซิเจน ทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น ควรเลือกต้นไม้ที่โตเร็ว ให้ร่มเงาดี และทนต่อสภาพอากาศในพื้นที่ เช่น ประดู่ จามจุรี หรือพิกุล
19. เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอีกวิธีหนึ่งในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว วัสดุเหล่านี้มักมีคุณสมบัติในการเก็บกักหรือป้องกันความร้อน ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นลง และลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ตัวอย่างเช่น อิฐมวลเบา ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีกว่าอิฐมอญหรืออิฐบล็อก หรือไม้ธรรมชาติที่ช่วยปรับอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่าคอนกรีต นอกจากนี้ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตอีกด้วย
20. ตรวจสอบและปรับปรุงระบบไฟฟ้าในบ้าน
การตรวจสอบและปรับปรุงระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ควรมองข้าม ระบบไฟฟ้าที่เก่าหรือชำรุดอาจทำให้เกิดการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าหรือการใช้พลังงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ควรตรวจสอบสายไฟ เต้ารับ เต้าเสียบ ฟิวส์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันทีเมื่อพบความผิดปกติ นอกจากนี้ การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (Surge Protector) หรือมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ จะช่วยให้ควบคุมและติดตามการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปเกี่ยวกับการช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า
การประหยัดพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ด้วย 20 วิธีที่แนะนำไปนี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบ้านและไลฟ์สไตล์ การเริ่มต้นจากวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องลงทุนมาก เช่น การถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน หรือการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ก็สามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้อย่างเห็นผลทันที
สำหรับเรื่องความปลอดภัยในอาคาร SUNNY มาพร้อมผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฉุกเฉินและป้ายไฟฉุกเฉินประหยัดพลังงาน ที่ออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า โดยใช้เทคโนโลยี LED ที่ให้ความสว่างสูงด้วยการใช้พลังงานต่ำ และแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ช่วยให้อาคารของคุณมีระบบความปลอดภัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และยังสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยอาคารอีกด้วย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกของเราไปด้วยกัน
สนใจสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จาก SUNNY ได้ที่
หรือเลือกซื้อสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรดอย่าง ไทวัสดุ โฮมโปร เมกะโฮม Bean & Beyond หรือ ตัวแทนจำหน่ายไฟฉุกเฉิน SUNNY ใกล้บ้านคุณ สามารถปรึกษาหรือเลือกซื้อสินค้าของ Sunny Emergency Light ได้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือติดต่อเราได้ที่ 02-378-1034
