Skip to content

Articles

วิธีชาร์จแบต UPS ให้ถูกต้อง
Uncategorized

วิธีชาร์จแบต UPS ให้ถูกต้อง ทำอย่างไรให้อายุการใช้งานยาวนาน

การชาร์จแบต UPS เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เครื่องสำรองไฟของคุณพร้อมใช้งานเสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดับ การชาร์จอย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยให้ UPS จ่ายไฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด วันนี้ Sunny Emergency Light ได้รวบรวมเทคนิคและวิธีชาร์จแบต UPS ที่ถูกต้อง รวมถึงข้อควรรู้ต่างๆ เพื่อให้คุณดูแล UPS คู่ใจได้อย่างผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ของคุณจะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ รู้จักแบตเตอรี่ UPS และหลักการชาร์จเบื้องต้น แบตเตอรี่ที่ใช้ในเครื่องสำรองไฟ (UPS) ส่วนใหญ่มักเป็นแบตเตอรี่แห้งชนิดกรดตะกั่วแบบปิดผนึก (Sealed Lead-Acid) ซึ่งออกแบบมาให้ไม่ต้องบำรุงรักษามากนัก การทำความเข้าใจประเภทแบตเตอรี่และหลักการชาร์จที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณทราบวิธีชาร์จแบต UPS ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และป้องกันอาการแบต UPS เสื่อมก่อนเวลาอันควร หลักการชาร์จไฟของ UPS เบื้องต้น วิธีการชาร์จแบต UPS ที่ถูกต้อง เพื่อให้ UPS ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน การปฏิบัติตามขั้นตอนการชาร์จที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จครั้งแรก หรือการชาร์จในสถานการณ์ต่างๆ การ ชาร์จแบต UPS ครั้งแรก เมื่อคุณซื้อ UPS เครื่องใหม่ การชาร์จแบต UPS ครั้งแรก อย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว ควรทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด การชาร์จแบต UPS ในการใช้งานปกติ การดูแลและวิธีชาร์จแบต UPS ในระหว่างการใช้งานปกติเป็นเรื่องง่าย แต่ก็มีข้อควรจำเพื่อให้แบตเตอรี่มีสุขภาพดีอยู่เสมอและพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การชาร์จแบต UPS หลังไฟฟ้าดับ หรือแบตเตอรี่ถูกใช้งาน หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับและ UPS ได้จ่ายไฟสำรองจนแบตเตอรี่ถูกใช้งานไปแล้ว การรีชาร์จแบตเตอรี่ให้กลับมาเต็มอีกครั้งโดยเร็วที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ ปัจจัยที่มีผลต่อการชาร์จและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ UPS มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการชาร์จและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ UPS การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณดูแล UPS ได้ดียิ่งขึ้น เคล็ดลับยืดอายุแบตเตอรี่ UPS ให้ใช้งานได้คุ้มค่าที่สุด นอกเหนือจากวิธีชาร์จแบต UPS ที่ถูกต้องแล้ว ยังมีเคล็ดลับอื่นๆ ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ UPS ของคุณให้ยาวนานและคุ้มค่าที่สุด สรุปบทความ การเข้าใจวิธีชาร์จแบต UPS ที่ถูกต้อง รวมถึงปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งาน และการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุแบตเตอรี่ UPS ของคุณให้ยาวนานที่สุด การชาร์จแบต

Read More »
รู้ทันอันตรายจากไฟฟ้า มีอะไรบ้าง
Uncategorized

รู้ทันอันตรายจากไฟฟ้า มีอะไรบ้าง พร้อมแนวทางป้องกันให้ปลอดภัย

ไฟฟ้าเป็นพลังงานที่มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่การให้แสงสว่างไปจนถึงการขับเคลื่อนเทคโนโลยีต่างๆ แต่ในทางกลับกัน หากขาดการดูแลเอาใจใส่หรือใช้งานอย่างไม่ถูกวิธี ไฟฟ้าก็อาจกลายเป็นภัยร้ายแรงที่ก่อให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้าต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ วันนี้ Sunny Emergency Light ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอันตรายจากไฟฟ้า มีอะไรบ้าง รวมถึงแนวทางการป้องกันเพื่อความปลอดภัยของทุกคน อันตรายจากไฟฟ้าที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง? อันตรายจากไฟฟ้าสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบและมีความรุนแรงแตกต่างกันไป การทำความเข้าใจถึงลักษณะของอันตรายแต่ละประเภทจะช่วยให้เราตระหนักและระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งอันตรายจากไฟฟ้า มีอะไรบ้างที่เราพบบ่อย มีดังนี้ 1. ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าดูด (Electric Shock) คือภาวะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย ทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้า, ระยะเวลาที่สัมผัส, เส้นทางที่ไฟฟ้าไหลผ่าน และสภาพร่างกายของผู้ถูกดูด การสัมผัสโดยตรงกับตัวนำไฟฟ้าที่ไม่มีฉนวนหุ้ม หรือการสัมผัสอุปกรณ์ที่มีไฟรั่วคือสาเหตุหลักของ ไฟฟ้าดูด อาการและความรุนแรงของไฟฟ้าดูด 2. แผลไหม้จากไฟฟ้า แผลไหม้จากไฟฟ้า (Electrical Burns) เป็นการบาดเจ็บที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อส่วนลึก เกิดจากความร้อนของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย หรือจากการสัมผัสกับวัตถุที่ร้อนจัดเนื่องจากไฟฟ้า เช่น ประกายไฟจากการอาร์ก (Arc Flash) หรือการสัมผัสอุปกรณ์ที่ร้อนเกินไป อันตรายจากไฟฟ้าประเภทนี้มักมีความรุนแรงกว่าแผลไหม้จากความร้อนทั่วไป ประเภทของแผลไหม้จากกระแสไฟฟ้า 3. อัคคีภัยจากไฟฟ้า อัคคีภัยหรือไฟไหม้ที่มีสาเหตุจากไฟฟ้า เป็นอันตรายจากไฟฟ้าที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อทรัพย์สินและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต มักเกิดจากการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด, การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน, การใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง (Overload), หรือไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit) ทำให้เกิดความร้อนสูงจนจุดติดวัสดุที่อยู่ใกล้เคียงและลุกลามเป็นอัคคีภัย 4. การระเบิดจากไฟฟ้า การระเบิดจากไฟฟ้า (Electrical Explosion) สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีประกายไฟหรือการอาร์กทางไฟฟ้าในบริเวณที่มีสารไวไฟหรือแก๊สรั่วไหล นอกจากนี้ การลัดวงจรในอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ที่มีพลังงานสูง ก็อาจทำให้เกิดการระเบิดได้เช่นกัน แรงระเบิดและเศษชิ้นส่วนที่กระเด็นออกมาถือเป็นอันตรายจากไฟฟ้าที่รุนแรง 5. อันตรายแฝงอื่นๆ ที่เกิดจากไฟฟ้า นอกจากอันตรายโดยตรงที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอันตรายแฝงอื่นๆ ที่อาจเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ทางไฟฟ้า เช่น การตกจากที่สูงเนื่องจากอาการตกใจเมื่อถูกไฟฟ้าดูดเล็กน้อย หรือการบาดเจ็บกล้ามเนื้อจากการกระตุกอย่างรุนแรง อันตรายจากไฟฟ้าเหล่านี้แม้จะไม่ใช่ผลโดยตรง แต่ก็มีความสำคัญและไม่ควรมองข้าม ตัวอย่างอันตรายแฝงอื่นๆ สาเหตุหลักที่นำไปสู่ อันตรายจากไฟฟ้า การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้าจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ การติดตั้ง และพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเราจะมาดูกันว่าอันตรายจากไฟฟ้า มีอะไรบ้างที่เกิดจากสาเหตุเหล่านี้ อุปกรณ์ไฟฟ้าเก่า ชำรุด หรือไร้มาตรฐาน การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เก่าเกินไป สายไฟกรอบแตก ฉนวนชำรุด

Read More »
ไฟบ้านตกบ่อยเกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไข
Uncategorized

ไฟตกบ่อยเกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไข และป้องกันความเสียหาย

ปัญหาไฟตกบ่อย ทั้งบ้านและเกิดจากอะไร เพราะไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญในชีวิตประจำวัน แต่ยังส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่หลอดไฟกะพริบ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่หยุดทำงานหรือชำรุดเสียหายได้ มากไปกว่านั้นหากคุณเป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม หรืออาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ก็อาจทำให้ศูนย์เสียรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวเลยทีเดียว การทำความเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาไฟตกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะสามารถหาวิธีแก้ไขและป้องกันไฟตก ไม่ให้สร้างความเสียหายลุกลาม บทความนี้ Sunny Emergency Light จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการไฟตกบ่อยครั้ง พร้อมแนะนำแนวทางการตรวจสอบเบื้องต้น วิธีการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้คุณใช้ไฟฟ้าได้อย่างสบายใจและความปลอดภัยยิ่งขึ้น ไฟตก คืออะไร ไฟตก หรือในทางเทคนิคเรียกว่า Voltage Sag หรือ Voltage Dip คือ สภาวะที่แรงดันไฟฟ้าในบ้านหรืออาคารลดต่ำลงกว่าระดับปกติชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วแรงดันไฟฟ้ามาตรฐานสำหรับบ้านพักอาศัยในประเทศไทยคือ 220 Volt หากแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่านี้ก็จะเริ่มส่งผลกระทบต่อการทำงานของ อุปกรณ์ไฟฟ้า ต่างๆ สัญญาณเตือนที่คุณสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อเกิดไฟตก ได้แก่ ไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก ต่างกันอย่างไร? เพื่อให้เข้าใจปัญหาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ควรแยกความแตกต่างระหว่าง ไฟตก ไฟดับ และไฟกระชาก สาเหตุหลักที่ทำให้ไฟตกบ่อย รู้ทันป้องกันได้ ไฟตกบ่อยสามารถแบ่งสาเหตุหลักๆ ออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือ ปัญหาจากปัจจัยภายนอก และปัญหาจากปัจจัยภายในบ้านหรืออาคาร ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ปัญหาจากภายนอกบ้านหรืออาคาร บางครั้งปัญหาไฟตกไม่ได้เกิดจากบ้านหรืออาคารของคุณโดยตรง แต่อาจมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก ดังนี้ หม้อแปลงไฟฟ้ามีปัญหา หรือมีการใช้ไฟเกินในพื้นที่ หม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้าที่จ่ายไฟให้ในพื้นที่ของคุณอาจมีปัญหา เช่น เก่าเกินไป ชำรุด หรือมีขนาดไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในชุมชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง (Peak Hour) เช่น ตอนเย็นหรือวันหยุด อาจทำให้แรงดันไฟฟ้าตกได้ในวงกว้าง ปัญหาไฟตกจากสาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นกับบ้านหลายหลังหรือาคารในละแวกเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าโดยรวม สายส่งไฟฟ้าชำรุด หรืออุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ สายไฟส่งกำลังของการไฟฟ้าอาจชำรุดจากหลายสาเหตุ เช่น ต้นไม้หรือกิ่งไม้ใหญ่ล้มทับสายไฟ เสาไฟฟ้าถูกรถชน หรือเกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก น้ำท่วม ทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง และส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร เกิดอาการไฟตกหรือไฟดับได้ในที่สุด อุบัติเหตุเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุไฟตกที่พบได้ ปัญหาจากภายในบ้านหรือาคาร นี่คือกลุ่มสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด สำหรับบ้านหรืออาคารหลายๆ แห่ง เพราะเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าภายในพื้นที่และลักษณะการใช้งานโดยตรง การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟสูงพร้อมกัน (Overload) การเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟมากพร้อมๆ กันหลายชิ้น

Read More »
ค่าไฟแพงผิดปกติเกิดจากอะไร
Uncategorized

ค่าไฟแพงผิดปกติเกิดจากอะไร? ใช้เท่าเดิม ทำไมจ่ายแพงขึ้น

หลายครัวเรือนกำลังเผชิญกับปัญหาค่าไฟแพงผิดปกติ ทั้งที่รู้สึกว่าพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศมากขึ้น หรือซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ เข้าบ้าน แต่ทำไมตัวเลขในบิลค่าไฟกลับพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ ปัญหานี้สร้างความกังวลใจไม่น้อย เพราะค่าไฟฟ้าถือเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงต้นตอของปัญหา ค่าไฟแพงผิดปกติว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใดได้บ้าง พร้อมแนะนำวิธีตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวเอง สัญญาณเตือน! แบบไหนที่เรียกว่า “ค่าไฟแพงผิดปกติ”? ก่อนที่เราจะไปค้นหาสาเหตุค่าไฟขึ้นสิ่งสำคัญคือต้องประเมินให้แน่ใจก่อนว่าค่าไฟที่เพิ่มขึ้นนั้น ผิดปกติจริงหรือไม่ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามฤดูกาลหรือปัจจัยอื่นๆ เปรียบเทียบการใช้งานกับบิลค่าไฟย้อนหลัง วิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบเบื้องต้นคือการนำบิลค่าไฟเดือนล่าสุดมาเปรียบเทียบกับบิลค่าไฟในช่วงเดียวกันของปีก่อนๆ หรือหลายเดือนที่ผ่านมา หากคุณมีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างคงที่ แต่ตัวเลขหน่วยการใช้ไฟฟ้า (kWh) และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น เพิ่มขึ้น 20-30% หรือมากกว่านั้น ทั้งที่ไม่ได้มีการใช้งานที่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก  นี่อาจเป็นสัญญาณแรกของปัญหาค่าไฟแพงผิดปกติได้ ลองพิจารณาว่าในช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในบ้าน หรือการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ไฟฟ้าโดยรวม หากไม่มีปัจจัยเหล่านี้ การเพิ่มขึ้นของค่าไฟก็ยิ่งน่าสงสัย ค่าไฟสูงขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ถึงน่าสงสัย? โดยทั่วไปแล้ว หากค่าไฟฟ้าสูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยปกติเกินกว่า 15-20% โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น การซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่เพิ่ม หรือสภาพอากาศที่ร้อนจัดจนต้องเปิดแอร์นานกว่าปกติ ก็ถือว่าเริ่มน่าสงสัยและควรเริ่มตรวจสอบหาสาเหตุที่ค่าไฟแพงผิดปกติอย่างจริงจัง เพราะบางครั้งอาจเป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากกว่าที่ควร หรืออาจมีปัญหาไฟรั่ว อาจจำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย การตรวจสอบค่าไฟฟ้าอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณพบต้นตอได้ สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าไฟแพง ทั้งที่ใช้ไฟเท่าเดิม เมื่อมั่นใจแล้วว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาค่าไฟแพงผิดปกติจริงๆ ลองมาดูสาเหตุหลักๆ ที่อาจเป็นต้นตอ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมได้ยาก และปัจจัยภายในบ้านที่เราอาจมองข้ามไป ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ บางครั้งสาเหตุค่าไฟขึ้นก็มาจากปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง แต่การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เราประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงค่า Ft และโครงสร้างราคาค่าไฟ ค่า Ft หรือค่าไฟฟ้าผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อบิลค่าไฟของเรา โดยค่า Ft คือ ค่าที่ปรับขึ้นลงตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เช่น ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า (ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน น้ำมัน) อัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายภาครัฐ หากในช่วงใดที่ต้นทุนเหล่านี้สูงขึ้น ค่า Ft ก็จะปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แม้จะใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม แต่ค่าไฟโดยรวมก็จะแพงขึ้นได้เช่นกัน  การติดตามประกาศการปรับ ค่า Ft จากการไฟฟ้าฯ จะช่วยให้เข้าใจถึงสาเหตุของค่าไฟแพงผิดปกติได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าตามนโยบายของภาครัฐก็อาจส่งผลกระทบได้เช่นกัน ผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟอันดับต้นๆ

Read More »
ไฟบ้านดับหลังเดียวเกิดจากอะไร
Uncategorized

ไฟบ้านดับหลังเดียวเกิดจากอะไร พร้อมวิธีรับมือ

เคยไหมที่จู่ๆ ไฟฟ้าในบ้านก็ดับมืดลง ทั้งที่บ้านข้างๆ ยังสว่างไสว? ปัญหาไฟบ้านดับหลังเดียวแบบนี้สร้างความกังวลใจไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร และต้องแก้ไขอย่างไร ไม่ต้องตกใจไปครับ บทความนี้จะพาคุณไปค้นหาสาเหตุของปัญหาไฟบ้านดับหลังเดียว พร้อมแนะนำวิธีตรวจสอบและรับมือเบื้องต้นอย่างถูกวิธี เพื่อให้บ้านของคุณกลับมาสว่างอีกครั้ง ติดตามกันได้เลย สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้ไฟบ้านดับหลังเดียว ปัญหาไฟบ้านดับหลังเดียวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากปัญหาภายในบ้านของเราเอง หรืออาจเป็นเหตุสุดวิสัยจากภายนอก การทำความเข้าใจสาเหตุเบื้องต้นจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง เบรกเกอร์ในตู้ควบคุมไฟฟ้าทริป เบรกเกอร์ หรือ สวิตช์ตัดตอนอัตโนมัติ คืออุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันความเสียหายเมื่อเกิดความผิดปกติในระบบไฟฟ้า หากมีการใช้ไฟฟ้าเกินขนาด หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในจุดใดจุดหนึ่งของบ้าน เบรกเกอร์ตัวนั้นๆ หรือแม้กระทั่งเมนเบรกเกอร์อาจจะทริป (ตัดการทำงาน) เพื่อความปลอดภัย ทำให้เกิดอาการไฟดับบางจุด หรือไฟบ้านดับหลังเดียวได้ การตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า (ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต) จึงเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านชำรุดหรือลัดวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้งานอยู่ทุกวัน เช่น แอร์, เครื่องทำน้ำอุ่น, หรือแม้แต่ปลั๊กพ่วงที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อเกิดการชำรุด เสื่อมสภาพ หรือมีการใช้งานที่ผิดวิธี ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือ ไฟเกิน จนทำให้เบรกเกอร์ทริปและไฟบ้านดับหลังเดียวได้ ลองสังเกตว่าก่อนไฟดับคุณกำลังใช้งานอุปกรณ์ใดเป็นพิเศษ หรืออุปกรณ์ใดมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่นไหม้ หรือเสียงดังแปลกๆ หรือไม่ ปัญหาที่ระบบสายไฟภายในบ้าน ระบบสายไฟฟ้าภายในบ้านที่ผ่านการใช้งานมานานหลายปี อาจเกิดการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา เช่น สายไฟเก่ากรอบแตก ฉนวนสายไฟชำรุด หรือจุดเชื่อมต่อสายไฟหลวม ปัญหาเหล่านี้สามารถนำไปสู่การเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลไม่สะดวก หรือเกิดความร้อนสูงจนเป็นอันตราย และส่งผลให้ไฟบ้านดับหลังเดียวเพื่อป้องกันความเสียหายรุนแรง การตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยช่างผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ สาเหตุจากภายนอกบ้าน บางครั้ง ปัญหาไฟบ้านดับหลังเดียวก็อาจไม่ได้มาจากภายในบ้านเสมอไป อาจมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเข้าบ้านคุณโดยตรง เช่น กิ่งไม้ใหญ่หักโค่นลงมาพาดสายไฟเมนเข้าบ้าน สัตว์ต่างๆ เช่น หนู หรือกระรอก เข้าไปกัดแทะสายไฟจนชำรุด หรือเกิดอุบัติเหตุบริเวณใกล้เคียงที่ส่งผลกระทบต่อเสาไฟฟ้าหรือสายไฟฟ้าที่จ่ายไฟให้บ้านของคุณโดยเฉพาะ ปัญหาที่มิเตอร์ไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ มิเตอร์ไฟฟ้า (Kilowatt-hour Meter) ที่ติดตั้งอยู่หน้าบ้าน เป็นอุปกรณ์ของการไฟฟ้าฯ ที่ทำหน้าที่วัดปริมาณการใช้ไฟฟ้า หากมิเตอร์ไฟฟ้าเกิดการชำรุดเสียหาย หรือมีปัญหาทางเทคนิค ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟบ้านดับหลังเดียวได้เช่นกัน ในกรณีนี้ เราไม่สามารถแก้ไขเองได้ จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ในพื้นที่เข้ามาตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขต่อไป ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของไฟบ้านดับหลังเดียวที่พบได้ สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อไฟบ้านดับเฉพาะหลัง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ไฟบ้านดับหลังเดียว อย่าเพิ่งตื่นตระหนก การตั้งสติและตรวจสอบตามขั้นตอนจะช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้อย่างปลอดภัย หรือทราบว่าเมื่อใดควรเรียกหาผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบมิเตอร์ไฟและเบรกเกอร์หลัก สิ่งแรกที่ควรทำคือการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้านว่ามีตัวเลขแสดงผลตามปกติหรือไม่ หรือมีสิ่งผิดปกติใดๆ

Read More »
โคมไฟกันน้ำคืออะไร
Uncategorized

โคมไฟกันน้ำคืออะไร? พร้อมเหตุผลที่คนเลือกใช้ช่วงหน้าฝน

ปัจจุบันโคมไฟฉุกเฉิน ไม่ได้มีดีแค่ให้แสงสว่างยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ยังได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและเพิ่มความทนทานให้พร้อมรับมือทุกสภาวะ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับฤดูฝนเป็นประจำโคมไฟกันน้ำคือหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่ช่วยสร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจ ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ในบทความนี้ โคมไฟกันน้ำคืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนเลือกใช้ โคมไฟกันน้ำ คือ อุปกรณ์ให้แสงสว่างที่ถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ ของเหลว หรือความชื้นไม่ให้แทรกซึมเข้าไปทำความเสียหายต่อวงจรไฟฟ้าภายใน ซึ่งระดับความสามารถในการกันน้ำนั้นจะแตกต่างกันไปตามมาตรฐานการป้องกัน (IP Rating) ที่ระบุไว้ ทำให้โคมไฟกันน้ำกันฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแวดล้อมที่เปียกชื้นหรือมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับน้ำโดยตรง มาตรฐาน IP Rating คืออะไร? มาตรฐาน IP Rating (Ingress Protection Rating) คือ ค่ามาตรฐานสากลที่ใช้วัดระดับความสามารถในการป้องกันของแข็ง (เช่น ฝุ่นละออง การสัมผัสโดยบังเอิญ) และของเหลว (เช่น น้ำ) ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรต่างๆ รวมถึงโคมไฟฉุกเฉินด้วย มาตรฐานนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย IEC (International Electrotechnical Commission) โดยจะแสดงด้วยตัวอักษร “IP” ตามด้วยตัวเลขสองหลัก หรืออาจมีตัวอักษรเสริมต่อท้ายในบางกรณี เพื่อระบุระดับการป้องกันที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น ตัวเลขหลักที่ 1 การป้องกันของแข็ง (Solid Particle Protection) ตัวเลขหลักแรกนี้จะบ่งบอกถึงระดับการป้องกันของเปลือกหุ้มอุปกรณ์ต่อการแทรกซึมของของแข็ง รวมถึงการป้องกันการสัมผัสชิ้นส่วนอันตรายภายในโดยส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น นิ้วมือ หรือเครื่องมือต่างๆ มีระดับดังนี้ ตัวเลขหลักที่ 2 การป้องกันของเหลว (Liquid Ingress Protection) ตัวเลขหลักที่สองนี้จะบ่งบอกถึงระดับการป้องกันของเปลือกหุ้มอุปกรณ์ต่อการแทรกซึมของน้ำในรูปแบบต่างๆ มีระดับดังนี้ ตัวอย่างมาตรฐาน IP Rating ที่พบบ่อย ทำไมโคมไฟกันน้ำถึงสำคัญ โดยเฉพาะในหน้าฝน ในช่วงหน้าฝน ความชื้นในอากาศสูงและมีโอกาสที่ฝนจะสาดเข้ามาในอาคาร หรือเกิดน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ได้ โคมไฟฉุกเฉินกันน้ำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเพื่อความปลอดภัยและต่อเนื่องในการใช้งาน ด้วยเหตุผลดังนี้ ข้อดีและประโยชน์ของโคมไฟฉุกเฉินกันน้ำ เลือกโคมไฟฉุกเฉินกันน้ำอย่างไรให้คุ้มค่าและปลอดภัย การเลือกโคมไฟฉุกเฉินกันน้ำที่เหมาะสมนั้น จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโคมไฟที่เลือกมานั้นสามารถตอบโจทย์การใช้งาน ให้ความสว่างเพียงพอ และมีความปลอดภัยสูงสุด คุ้มค่ากับการลงทุน โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานในสภาวะที่อาจมีความเสี่ยงจากน้ำและความชื้น ตรวจสอบมาตรฐาน IP Rating สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ มาตรฐาน IP Rating โดยเฉพาะตัวเลขหลักที่สองซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันน้ำ หากต้องการโคมไฟฉุกเฉินที่สามารถทนทานต่อฝนสาดหรือการฉีดน้ำทำความสะอาดได้ดี

Read More »
อุปกรณ์ในห้องน้ำคนพิการที่ต้องมี
Uncategorized

10 อุปกรณ์ในห้องน้ำคนพิการที่ต้องมี เพื่อความปลอดภัย

การเข้าห้องน้ำเป็นกิจวัตรประจำวันที่ควรจะง่ายและปลอดภัยสำหรับทุกคน แต่สำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุ อาจเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตรายที่มองไม่เห็น การติดตั้งอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการที่เหมาะสม จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบาย แต่เป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและส่งเสริมความเป็นอิสระในการใช้ห้องน้ำคนพิการอย่างมั่นใจ หากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ห้องน้ำปลอดภัยยิ่งขึ้น บทความนี้มีคำตอบ อุปกรณ์จำเป็นในห้องน้ำคนพิการ การเลือกสรรและติดตั้งอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการอย่างถูกต้อง จะช่วยเปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้กลายเป็นห้องน้ำคนพิการที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการใช้งานจริง ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง 1. ไฟฉุกเฉินห้องน้ำคนพิการ ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น ไฟฟ้าดับ หรือแสงสว่างไม่เพียงพอ ไฟฉุกเฉินสำหรับห้องน้ำคนพิการคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อุปกรณ์นี้จะให้แสงสว่างอัตโนมัติทันที ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นเส้นทางและอุปกรณ์ต่างๆ ป้องกันการสะดุดหรือชนสิ่งกีดขวาง การมีไฟฉุกเฉินที่สว่างเพียงพอและติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ใกล้ประตู หรือบริเวณที่มีการใช้งานบ่อย เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการอย่างโคมไฟฉุกเฉินรุ่น SGM Series จาก SUNNY ที่มีฟังก์ชัน Motion Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหวเมื่อมีคนเดินผ่าน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ใช้งาน 2. ราวจับช่วยพยุงตัว ราวจับเป็นอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง ช่วยในการพยุงตัว ลุกขึ้น ยืน หรือเคลื่อนย้ายในห้องน้ำ ลดความเสี่ยงจากการลื่นล้ม ควรติดตั้งในบริเวณที่ต้องการการทรงตัว เช่น ข้างโถสุขภัณฑ์ ในพื้นที่อาบน้ำ หรือตามแนวกำแพงที่ใช้สัญจร การเลือกใช้วัสดุที่ไม่ลื่นและขนาดที่จับถนัดมือ พร้อมการติดตั้งที่แข็งแรงมั่นคง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในห้องน้ำคนพิการได้เป็นอย่างดี 3. ที่นั่งเสริมบนโถสุขภัณฑ์ สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการลุกนั่งจากโถสุขภัณฑ์ระดับปกติ ที่นั่งเสริมบนโถสุขภัณฑ์ หรือโครงช่วยพยุงสำหรับโถสุขภัณฑ์ เป็นอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก อุปกรณ์นี้จะช่วยเพิ่มความสูงของโถ ทำให้ไม่ต้องงอเข่าหรือใช้แรงมากเกินไปในการลุกนั่ง บางรุ่นอาจมีที่วางแขนเพื่อช่วยในการพยุงตัวเพิ่มเติม ช่วยลดภาระและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ห้องน้ำคนพิการ 4. เก้าอี้นั่งอาบน้ำ การยืนอาบน้ำอาจเป็นเรื่องยากและเสี่ยงสำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุ เก้าอี้นั่งอาบน้ำจึงเป็นอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการที่จำเป็น ช่วยให้นั่งอาบน้ำได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ลดความเสี่ยงการลื่นล้มในพื้นที่เปียก ควรเลือกเก้าอี้ที่มีขาตั้งมั่นคง ปรับระดับความสูงได้ และมีรูระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำขัง ทั้งนี้ การมีแสงสว่างที่เพียงพอในพื้นที่อาบน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญควบคู่กันไปสำหรับห้องน้ำคนพิการ 5. พื้นกันลื่นและแผ่นกันลื่น พื้นห้องน้ำที่เปียกน้ำเป็นสาเหตุหลักของการลื่นล้ม การเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่มีคุณสมบัติกันลื่น หรือการติดตั้งแผ่นกันลื่นเฉพาะจุด เช่น บริเวณหน้าอ่างล้างหน้า ทางเข้าพื้นที่อาบน้ำ หรือรอบโถสุขภัณฑ์ เป็นอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายและมีการยึดเกาะที่ดี เพื่อสร้างห้องน้ำคนพิการที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ 6. อ่างล้างหน้าเพื่อผู้พิการ อ่างล้างหน้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้พิการ หรือผู้ใช้งานรถเข็น ควรมีระดับความสูงที่เหมาะสม และมีพื้นที่ว่างด้านล่างเพียงพอเพื่อให้รถเข็นสามารถสอดเข้าไปได้ การเลือกอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการชิ้นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำกิจวัตรส่วนตัวได้อย่างสะดวกและเป็นอิสระมากขึ้นในห้องน้ำคนพิการ การออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลักคือสิ่งสำคัญ 7. ก๊อกน้ำแบบก้านโยกหรือระบบเซ็นเซอร์ การเปิดปิดก๊อกน้ำแบบหมุนอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้มือหรือข้อมือ ก๊อกน้ำแบบก้านโยกหรือระบบเซ็นเซอร์จึงเป็นอุปกรณ์ห้องน้ำคนพิการที่เหมาะสมกว่า เพราะใช้งานง่าย ไม่ต้องออกแรงบิด

Read More »
เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากที่สุด
Uncategorized

15 เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากที่สุด พร้อมแนะนำวิธีประหยัดไฟทำได้ง่ายๆ

ค่าไฟที่สูงขึ้นทุกเดือนอาจทำให้หลายคนปวดหัว หนึ่งในสาเหตุหลักก็คือการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านอย่างไม่ถูกวิธี หรือไม่ทราบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดการทำความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว และยังเป็นการช่วยโลกประหยัดพลังงานอีกด้วย บทความนี้มีคำตอบให้คุณครับ ทำความรู้จัก 15 เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวดูดพลังงาน ในชีวิตประจำวัน เราต่างพึ่งพาเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายเพื่ออำนวยความสะดวก แต่ทราบหรือไม่ว่ามีบางชนิดที่แอบกินไฟมากกว่าที่คิด การรู้จักหน้าตาของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดเหล่านี้ จะเป็นก้าวแรกสู่การประหยัดพลังงานอย่างถูกจุด 1. เครื่องปรับอากาศ  เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ ถือเป็นแชมป์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดในบ้านเรือนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน เพราะต้องทำงานหนักเพื่อทำความเย็นให้ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ การเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับห้อง การตั้งอุณหภูมิที่ 25-26 องศาเซลเซียส และการทำความสะอาดฟิลเตอร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดการกินไฟลงได้มาก 2. เครื่องทำน้ำอุ่น อุปกรณ์ที่ให้ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ โดยเฉพาะในฤดูหนาว แต่ก็แลกมากับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงมากเช่นกัน เนื่องจากต้องใช้ไฟฟ้าในการสร้างความร้อนให้กับน้ำโดยตรง ยิ่งปรับอุณหภูมิสูง หรือเปิดใช้นาน ก็ยิ่งกินไฟ การปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะและไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ จะช่วยประหยัดได้ 3. ตู้เย็นและตู้แช่  ตู้เย็นและตู้แช่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ แม้จะไม่ได้กินไฟสูงมากในแต่ละชั่วโมง แต่เมื่อรวมกันทั้งวันทั้งคืนก็ถือว่าไม่น้อยเลย การเลือกตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ไม่ใส่ของร้อนเข้าไปแช่ และไม่เปิดประตูตู้เย็นค้างไว้นานๆ จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้ 4. เครื่องอบผ้า  เครื่องอบผ้าเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุด เพราะใช้ความร้อนสูงในการทำให้ผ้าแห้ง หากไม่จำเป็นจริงๆ การตากผ้าด้วยแสงแดดและลมธรรมชาติยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุด แต่ถ้าต้องใช้ ควรอบผ้าในปริมาณที่เหมาะสมต่อครั้ง และทำความสะอาดตัวกรองเศษผ้าเสมอ 5. เตาไฟฟ้าและเตาอบไฟฟ้า เตาไฟฟ้าและเตาอบไฟฟ้าใช้พลังงานสูงในการสร้างความร้อนเพื่อการประกอบอาหาร การเลือกใช้ภาชนะที่เหมาะสมกับขนาดหัวเตา การปิดสวิตช์ก่อนอาหารสุกเล็กน้อยเพื่อให้ความร้อนที่เหลืออยู่ทำให้อาหารสุกพอดี และการไม่เปิดฝาเตาอบบ่อยๆ ขณะใช้งาน จะช่วยประหยัดไฟได้ 6. เครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้า โดยเฉพาะรุ่นที่มีระบบซักน้ำร้อนหรืออบผ้าในตัว จะกินไฟค่อนข้างมาก การซักผ้าตามปริมาณความจุของเครื่อง ไม่ซักผ้าจำนวนน้อยชิ้นบ่อยๆ และเลือกโปรแกรมการซักให้เหมาะสมกับชนิดและปริมาณผ้า จะช่วยลดการใช้พลังงานและน้ำได้ 7. เตารีด  เตารีดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนสูง จึงกินไฟมากเช่นกัน เคล็ดลับคือการรวบรวมผ้าให้ได้จำนวนมากพอต่อการรีดแต่ละครั้ง เริ่มรีดจากผ้าบางที่ใช้ความร้อนน้อยก่อน แล้วจึงรีดผ้าหนาที่ต้องการความร้อนสูง และควรถอดปลั๊กก่อนรีดเสร็จเล็กน้อย ความร้อนที่เหลือยังรีดผ้าบางๆ ต่อได้อีก 8. ไมโครเวฟ  ไมโครเวฟให้ความสะดวกในการอุ่นอาหารอย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช้กำลังไฟค่อนข้างสูงในช่วงเวลาสั้นๆ การเลือกใช้ภาชนะที่เหมาะสมสำหรับไมโครเวฟ และตั้งเวลาให้พอดีกับอาหารแต่ละชนิด ไม่นานเกินความจำเป็น จะช่วยประหยัดไฟได้

Read More »
รวมวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้า

รวม 20 วิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้า ช่วยเซฟเงินพร้อมรักษ์โลก

ปัญหาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นภาระสำคัญของครัวเรือนไทยในปัจจุบัน นอกจากจะกระทบกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนแล้ว การใช้ไฟฟ้าอย่างฟุ่มเฟือยยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าอีกด้วย วันนี้ Sunny Emergency Light ได้รวบรวม 20 วิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ช่วยลดทั้งค่าไฟและการปล่อยคาร์บอน ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยรักษาเงินในกระเป๋าของคุณ แต่ยังเป็นการช่วยรักษาโลกของเราไปพร้อมกันอีกด้วย มาติดตามกันได้ในบทความนี้ 1. เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้ใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่าหรือรุ่นที่ไม่มีฉลากประหยัดไฟ ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 10-30% ต่อปี แม้ว่าอาจมีราคาสูงกว่าในตอนซื้อ แต่สามารถคืนทุนได้ในระยะยาวจากค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย 2. เลือกขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน การเลือกขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมาก เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เช่น ตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศ จะใช้พลังงานมากกว่าที่จำเป็น ส่งผลให้เสียค่าไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์ ควรประเมินความต้องการใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น พิจารณาจำนวนสมาชิกในครอบครัว ขนาดพื้นที่ใช้สอย และระยะเวลาในการใช้งาน เพื่อให้ได้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าที่สุด 3. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าที่คิด แม้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะอยู่ในโหมดสแตนด์บายหรือปิดสวิตช์แล้ว แต่หากยังเสียบปลั๊กอยู่ ก็ยังคงมีการใช้ไฟฟ้าที่เรียกว่า “ไฟรั่ว” หรือ “กระแสไฟฟ้ารอ” ซึ่งอาจคิดเป็น 5-10% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องชาร์จมือถือ ที่ควรถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน 4. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม (25-27 องศาเซลเซียส) การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25-27 องศาเซลเซียสเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูงที่สุดในบ้าน การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ถึง 10% ทุกๆ 1 องศาที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การใช้พัดลมร่วมกับเครื่องปรับอากาศจะช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึงและช่วยให้รู้สึกเย็นสบายแม้จะตั้งอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่หลายคนมักมองข้าม แผ่นกรองอากาศที่สกปรกจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาระดับความเย็น ส่งผลให้ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 5-15% ควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2-4 สัปดาห์ และล้างคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนทุก 6-12 เดือน หรือเรียกช่างมาบำรุงรักษาประจำปี นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศอีกด้วย 6. ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟแบบเดิม การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED เป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่คุ้มค่าในระยะยาว หลอดไฟ LED ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้แบบเดิมถึง 75-90%

Read More »
Surge Protection คืออะไร

Surge Protection คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อระบบไฟฟ้า

ในยุคปัจจุบันที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ากลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ปัญหาไฟกระชากหรือไฟกระโชกเป็นภัยเงียบที่สร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์มูลค่าสูงโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือพายุฟ้าคะนอง Surge Protection จึงเป็นทางออกสำคัญในการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยทำหน้าที่เสมือนโล่กำบังคลื่นแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินมาตรฐาน วันนี้ Sunny Emergency Light ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Surge Protection ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าในอาคารของคุณ Surge Protection คืออะไร? Surge Protection คือ อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Surge Protective Device (SPD) ทำหน้าที่ป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากความเสียหายที่เกิดจากไฟกระโชก (Surge) หรือแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินปกติชั่วขณะ ซึ่งอาจเกิดจากฟ้าผ่า การสลับการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูง หรือการจ่ายไฟฟ้าที่ไม่สม่ำเสมอจากการไฟฟ้า โดย Surge Protection จะจำกัดแรงดันไฟฟ้าเกินและเบี่ยงเบนกระแสไฟส่วนเกินลงสู่สายดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ไหลผ่านไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า หลักการทำงานของ Surge Protection Surge Protection ทำงานโดยตรวจจับแรงดันไฟฟ้าเกินและเบี่ยงเบนพลังงานส่วนเกินลงสู่สายดิน ซึ่งมีกระบวนการทำงานตามขั้นตอนดังนี้ การแบ่งมาตรฐานของอุปกรณ์ Surge Protection แต่ละ Class มาตรฐานสากลได้แบ่งประเภทของอุปกรณ์ Surge Protection ออกเป็น 3 Class ตามความสามารถในการรองรับกระแสฟ้าผ่าและคลื่นไฟกระโชกที่แตกต่างกัน ดังนี้ ประเภทของอุปกรณ์ Surge Protection อุปกรณ์ Surge Protection สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะการใช้งานและการติดตั้ง โดยแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ดังนี้ เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟกระโชกที่เกิดขึ้นในสายไฟฟ้าหลัก ติดตั้งระหว่างแหล่งจ่ายไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อป้องกันแรงดันเกิน อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ได้แก่ เสิร์จโปรเทคเตอร์สำหรับตู้ไฟฟ้า ปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟกระชาก เต้ารับที่มีระบบ Surge Protection หรือ Whole House Surge Protector ที่ติดตั้งที่เมนไฟหลักของบ้าน เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับป้องกันสายสัญญาณข้อมูลจากไฟกระโชก เนื่องจากสายสัญญาณมักมีความไวต่อแรงดันไฟฟ้ามากกว่าสายไฟปกติ อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ได้แก่ Surge Protector สำหรับสาย LAN, สาย Coaxial (ทีวี), สายโทรศัพท์, สาย USB หรือสาย HDMI รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันแรงดันเกินสำหรับระบบกล้องวงจรปิด ระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะ หรือระบบสื่อสารข้อมูล ส่วนประกอบของอุปกรณ์ Surge

Read More »