Skip to content

Articles

รวมจุด 10 สำคัญในโรงงานที่ควรมีโคมไฟฉุกเฉิน

รวมจุด 10 สำคัญในโรงงานที่ควรมีโคมไฟฉุกเฉิน

โคมไฟฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับทุกโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้แสงสว่างในยามฉุกเฉินหรือเมื่อไฟดับ ซึ่งช่วยป้องกันอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกในการอพยพ วันนี้ Sunny Light Emergency จะแนะนำ 10 จุดสำคัญในโรงงานที่ควรติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉิน เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับพนักงานและทรัพย์สิน 10 จุดสำคัญที่ควรติดตั้งโคมไฟฉุกเฉินในโรงงาน การติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉินในโรงงานจำเป็นต้องครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั้งหมด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในยามฉุกเฉิน มาดูกันว่ามีจุดใดบ้างที่ควรติดตั้ง 1. ทางเข้า-ออกหลักของโรงงาน ประตูทางเข้า-ออกหลักเป็นจุดแรกที่ต้องติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรของพนักงานและการขนส่งสินค้า ในยามฉุกเฉิน พื้นที่นี้ต้องมีแสงสว่างเพียงพอเพื่อให้เห็นทางได้ชัดเจน และช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว 2. ทางหนีไฟและบันไดหนีไฟ บริเวณทางหนีไฟและบันไดหนีไฟต้องมีไฟส่องสว่างฉุกเฉินติดตั้งตลอดเส้นทาง เพื่อนำทางผู้อพยพในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หากทางหนีไฟ และบันไดหนีไฟนั้น สามารถให้แสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการอพยพ หรือใช้งานในส่วนนี้ได้ 3. พื้นที่ผลิตหลัก ในพื้นที่ผลิตซึ่งมีเครื่องจักรและอุปกรณ์จำนวนมาก จำเป็นต้องมีไฟส่องสว่างฉุกเฉินเพื่อให้พนักงานสามารถมองเห็นและหยุดการทำงานของเครื่องจักรได้อย่างชัดเจน และเป็นสร้างความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมถึงช่วยให้สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย 4. คลังสินค้าและพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบ คลังสินค้าเป็นพื้นที่ที่มีการจัดเก็บวัสดุและสินค้าจำนวนมาก การติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉินจะช่วยให้พนักงานสามารถมองเห็นทางเดินและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ในยามฉุกเฉิน อีกทั้งยังช่วยในการระบุตำแหน่งของวัสดุอันตรายที่อาจต้องเคลื่อนย้าย 5. ห้องควบคุมและห้องเครื่องจักร ห้องควบคุมและห้องเครื่องจักรจำเป็นต้องมีไฟส่องสว่างฉุกเฉิน ที่ให้แสงสว่างเพียงพอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมระบบและอุปกรณ์สำคัญได้อย่างปลอดภัยในกรณีไฟดับ โดยเฉพาะในจุดที่ต้องมีการปิดระบบฉุกเฉิน และการตรวจสอบการใช้งานอย่างครอบคลุม  6. ห้องเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย ในห้องจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย ไฟส่องสว่างฉุกเฉินมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถมองเห็นป้ายเตือนและข้อมูลความปลอดภัยได้ชัดเจน รวมถึงช่วยในการจัดการกับสารเคมีรั่วไหลหรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ 7. จุดรวมพลอพยพ จุดรวมพลต้องมีไฟส่องสว่างฉุกเฉินที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานสามารถมองเห็นและเดินทางมาถึงจุดรวมพลได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยในการตรวจสอบจำนวนพนักงานและประสานงานกับทีมกู้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 8. ห้องปฐมพยาบาลและพื้นที่ทางการแพทย์ ห้องปฐมพยาบาลจำเป็นต้องมีไฟส่องสว่างฉุกเฉินที่ให้แสงสว่างเพียงพอ เพื่อให้สามารถดูแลและรักษาผู้บาดเจ็บได้อย่างต่อเนื่องแม้ในยามฉุกเฉิน รวมถึงช่วยในการค้นหาอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น 9. สำนักงานและพื้นที่ทำงาน พื้นที่สำนักงานควรติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉินให้ครอบคลุม เพื่อให้พนักงานสามารถจัดเก็บเอกสารสำคัญและอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในจุดที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก 10. ห้องน้ำและพื้นที่สวัสดิการพนักงาน พื้นที่สวัสดิการต้องมีไฟส่องสว่างฉุกเฉินที่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัยของพนักงานที่อาจอยู่ในพื้นที่เหล่านี้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะห้องน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ปิดและอาจเกิดอันตรายได้ง่ายหากไม่มีแสงสว่างเพียงพอ การติดตั้งไฟส่องสว่างฉุกเฉินในจุดสำคัญต่างๆ ของโรงงานเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่จำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุในยามฉุกเฉิน Sunny Light Emergency พร้อมให้คำปรึกษาและจัดจำหน่ายโคมไฟฉุกเฉินคุณภาพสูง ได้มาตรฐานความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในการดำเนินงานของทุกโรงงานอุตสาหกรรม

Read More »
ไฟดับเกิดจากอะไร รวม 6 สาเหตุที่พบได้ทั้งบ้านและอาคาร

ไฟดับเกิดจากอะไร รวม 6 สาเหตุที่พบได้ทั้งบ้านและอาคาร

ปัญหาไฟดับบ่อยเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย ทั้งการทำงาน การพักผ่อน รวมถึงความปลอดภัยในยามค่ำคืน ไฟดับเกิดจากอะไรบ้าง? วันนี้ Sunny Light Emergency ได้รวบรวม 6 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟดับบ่อยในบ้านและอาคาร พร้อมแนวทางการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไฟดับเกิดจากอะไร ไฟดับบ่อยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากระบบไฟฟ้าภายในตัวอาคาร ปัจจัยภายนอก และการดำเนินการของการไฟฟ้า ซึ่งแต่ละสาเหตุส่งผลกระทบต่อระบบจ่ายไฟฟ้าในระดับที่แตกต่างกัน มาดูกันว่ามีสาเหตุอะไรบ้าง ไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้านหรืออาคาร สาเหตุแรกที่ทำให้ไฟดับบ่อยคือการลัดวงจรภายในอาคาร มักเกิดจากการต่อสายไฟไม่ถูกต้อง สายไฟเก่าชำรุด หรือการใช้งานเกินกำลังไฟที่ระบบรองรับ นอกจากทำให้ไฟดับแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ได้ จึงควรติดตั้งไฟฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยยามเกิดเหตุ เกิดจากภัยธรรมชาติ พายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรง และฟ้าผ่า เป็นภัยธรรมชาติที่ทำให้ไฟดับบ่อยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน สภาพอากาศรุนแรงอาจทำให้กิ่งไม้หักโค่นทับสายไฟ หรือฟ้าผ่าทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าเสียหาย ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง เกิดจากสัตว์ที่ขึ้นไปบนเสาไฟฟ้า สัตว์จำพวกนก งู หรือกระรอกที่ปีนป่ายบนเสาไฟฟ้า อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรเมื่อสัมผัสสายไฟแรงสูง ทำให้ไฟดับบ่อยโดยไม่คาดคิด การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันสัตว์บนเสาไฟฟ้าจึงเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันปัญหานี้ เกิดจากสภาพแวดล้อม มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง และคราบสกปรกสะสมบนลูกถ้วยฉนวน อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า นำไปสู่การลัดวงจรและไฟดับได้ โดยเฉพาะในพื้นที่อุตสาหกรรมหรือเขตเมืองที่มีมลพิษสูง การบำรุงรักษาอุปกรณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น อุบัติเหตุต่อเสาไฟฟ้า อุบัติเหตุจากยานพาหนะชนเสาไฟฟ้า หรือการก่อสร้างที่กระทบต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้า เป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟดับบ่อยในเขตชุมชน การติดตั้งป้ายทางหนีไฟและไฟฉุกเฉินจึงมีความสำคัญเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย การไฟฟ้าตัดกระแสไฟฟ้า การดับไฟตามแผนของการไฟฟ้าเพื่อซ่อมบำรุงหรือปรับปรุงระบบ เป็นสาเหตุของไฟดับที่มีการแจ้งล่วงหน้า แม้จะสร้างความไม่สะดวก แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบจ่ายไฟในระยะยาว เมื่อไฟดับควรทำอย่างไร การเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไฟดับบ่อยเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการติดตั้งระบบไฟฉุกเฉินและป้ายทางหนีไฟที่ได้มาตรฐาน ซึ่งไม่เพียงช่วยในยามไฟดับ แต่ยังรองรับเหตุฉุกเฉินอื่นๆ เช่น อัคคีภัย Sunny Light Emergency พร้อมให้บริการด้วยโคมไฟฉุกเฉิน และป้ายทางหนีไฟคุณภาพสูง รับประกันความปลอดภัยในทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน

Read More »
ไฟฉุกเฉิน กับ เครื่องสำรองไฟ แตกต่างกันอย่างไร
Uncategorized

ไฟฉุกเฉิน กับ เครื่องสำรองไฟ แตกต่างกันอย่างไร

ในยุคปัจจุบันที่เราต้องพึ่งพาไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน การเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไฟฟ้าดับจึงเป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในตึกหรืออาคาร ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก รวมไปถึงชีวิตผู้คน อุปกรณ์ที่ดูแลความปลอดภัยในเรื่องนี้จึงจำเป็นอย่างมาก เดี๋ยววันนี้เรา Sunny จะมาอธิบายถึงความแตกต่างของไฟฉุกเฉิน และอุปกรณ์สำรองไฟ ว่าสรุปแล้วทำหน้าที่ได้คล้ายกันไหม หรือมีอะไรบ้างที่แตกต่างกัน  ทำความรู้จักกับไฟฉุกเฉินและเครื่องสำรองไฟฉุกเฉิน เครื่องสำรองไฟฉุกเฉินคืออะไร เครื่องสำรองไฟฉุกเฉิน UPS (Uninterruptible Power Supply) คือ อุปกรณ์สำรองไฟสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองให้กับระบบไฟฟ้าในอาคารหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าสำคัญเมื่อเกิดกรณีไฟฟ้าดับ ประกอบด้วยแบตเตอรี่และระบบควบคุมที่จะทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่ตรวจพบว่าไฟฟ้าหลักขัดข้อง สามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่องตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายชั่วโมงขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของระบบ ไฟฉุกเฉินคืออะไร ไฟฉุกเฉิน (Emergency Light) เป็นอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่ทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในตัวเมื่อระบบไฟฟ้าหลักล้มเหลว ติดตั้งตามจุดสำคัญในอาคาร เช่น ทางออก บันได ทางเดิน และพื้นที่ส่วนกลาง มีเซนเซอร์ตรวจจับไฟฟ้าขัดข้องและระบบชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ ช่วยให้ผู้คนสามารถมองเห็นเส้นทางอพยพและสิ่งกีดขวางได้ชัดเจนแม้ในสภาวะที่ไม่มีไฟฟ้า หลักการทำงานไฟฉุกเฉิน กับ เครื่องสำรองไฟ เป็นอย่างไร เมื่อไฟดับ เราต่างต้องการแสงสว่าง และพลังงานไฟฟ้าสำรองเพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ ไฟฉุกเฉินและเครื่องสำรองไฟ เป็นอุปกรณ์สองชนิดที่มักถูกนึกถึงในสถานการณ์เช่นนี้ แม้จะมีจุดประสงค์คล้ายกันคือการให้พลังงานสำรอง แต่วิธีการทำงาน และประโยชน์ใช้สอยของทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ เรามาทำความเข้าใจกลไกการทำงานของอุปกรณ์ทั้งสองชนิดนี้กันดีกว่า  หน้าที่ของไฟฉุกเฉิน ไฟฉุกเฉินถูกออกแบบมาเพื่อให้แสงสว่างในยามที่ไฟฟ้าดับ โดยจะทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่ตรวจจับได้ว่าไฟฟ้าในอาคารดับลง และไฟฉุกเฉินส่วนใหญ่จะใช้แบตเตอรี่ไฟฉุกเฉินเป็นแหล่งพลังงานสำรอง ซึ่งจะถูกชาร์จไว้ตลอดเวลาเมื่อมีไฟตามปกติ และจะพร้อมจ่ายไฟให้หลอดไฟส่องสว่างทันทีที่ไฟดับ โดยทั่วไปไฟฉุกเฉินจะสามารถให้แสงสว่างได้นานประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ หน้าที่ของเครื่องสำรองไฟ  เครื่องสำรองไฟหรือ UPS (Uninterruptible Power Supply) มีหน้าที่หลักในการจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเกิดไฟดับ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย ฯลฯ เครื่องสำรองไฟจะมีแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉินภายใน และวงจรแปลงไฟ ทำให้สามารถจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับได้เหมือนไฟบ้านปกติ แต่จะมีระยะเวลาที่จำกัด โดยทั่วไปจะสามารถจ่ายไฟได้ตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายชั่วโมง ที่จะขึ้นอยู่กับขนาด และประสิทธิภาพของเครื่อง ไฟฉุกเฉิน จ่ายไฟได้เหมือนเครื่องสำรองไฟไหม คำตอบคือไม่เหมือนกัน เนื่องจากไฟฉุกเฉินและเครื่องสำรองไฟมีความแตกต่างกันในด้านการจ่ายไฟ ดังนี้ ดังนั้น หากต้องการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ นอกเหนือจากหลอดไฟ เครื่องสำรองไฟจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าไฟฉุกเฉิน ประโยชน์ของไฟฉุกเฉินมีแค่ส่องสว่างรึเปล่า แม้ว่าหน้าที่หลักของไฟฉุกเฉินคือการให้แสงสว่างในยามฉุกเฉิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไฟฉุกเฉินยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกหลายด้านที่หลายคนยังไม่รู้ มาดูกันว่าไฟฉุกเฉินมีประโยชน์อะไรบ้าง นอกเหนือจากการส่องสว่าง แจ้งเตือนไฟไหม้ ไฟฉุกเฉินบางรุ่นมาพร้อมกับระบบตรวจจับควัน

Read More »
CCU12-350
กิจกรรมเพื่อสังคม

เจาะลึกตู้ควบคุมไฟฉุกเฉิน คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ

ไฟดับในอาคาร หนึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ไฟฉุกเฉิน จึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ความปลอดภัย ที่กลายเป็นมาตรฐานในการใช้งานอยู่ในทุกอาคาร และในวันนี้ Sunny Emergency Light เราจะพาไปเจาะลึกถึงระบบไฟฉุกเฉิน ไฟสำรอง และตู้ควบคุมระบบไฟฉุกเฉินว่า คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกว่าที่ใครหลายคนคิด  ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉิน คืออะไร ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉิน คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการระบบไฟฉุกเฉินในอาคาร เมื่อเกิดเหตุไฟดับหรือระบบไฟฟ้าหลักขัดข้อง ตู้ควบคุมจะทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อจ่ายไฟสำรองให้กับดวงโคมไฟฉุกเฉิน ทำให้ผู้อยู่ในอาคารสามารถมองเห็นเส้นทางหนีไฟและอพยพออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัย องค์ประกอบของตู้ควบคุมไฟฉุกเฉิน ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญหลายส่วน ได้แก่ ทำไมถึงต้องมีตู้ควบคุมไฟฉุกเฉิน ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินมีความสำคัญอย่างยิ่งในอาคารสูง หรือสถานที่สาธารณะ เนื่องจากสาเหตุเหล่านี้  หน้าที่หลักของตู้ควบคุมไฟฉุกเฉิน ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินมีหน้าที่สำคัญหลายอย่างในการดูแลระบบไฟสำรองฉุกเฉินของอาคาร ซึ่งไม่เพียงแต่จ่ายไฟในยามฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสอบ และบำรุงรักษาระบบให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยหน้าที่หลัก จะมีดังนี้ จ่ายไฟไปยังดวงโคมไฟฉุกเฉิน เมื่อเกิดไฟดับหรือระบบไฟฟ้าหลักขัดข้อง ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินจะทำการสับเปลี่ยนไปใช้ไฟจากแบตเตอรี่สำรองโดยอัตโนมัติ และจ่ายไฟไปยังดวงโคมไฟฉุกเฉินทั่วทั้งอาคาร ทำให้มีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการอพยพ โดยทั่วไประบบจะสามารถจ่ายไฟฉุกเฉินได้นานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอสำหรับการอพยพผู้คนออกจากอาคารอย่างปลอดภัย ตรวจสอบความผิดปกติของระบบไฟฉุกเฉิน ตู้ควบคุมมีระบบตรวจสอบการทำงานอัตโนมัติ โดยจะทำการทดสอบระบบทุก 30 วัน เป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฟฉุกเฉินพร้อมใช้งานเสมอ นอกจากนี้ ยังมีระบบแจ้งเตือนด้วยเสียงเมื่อพบความผิดปกติ เช่น แบตเตอรี่มีแรงดันต่ำ การชาร์จแบตเตอรี่ล้มเหลว หรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ตั้งค่าและบันทึกการทำงานของระบบ  ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินยังมีฟังก์ชันในการตั้งค่าและบันทึกการทำงานของระบบ ทำให้ผู้ดูแลอาคารสามารถตรวจสอบประวัติการทำงาน ปรับแต่งการตั้งค่า และวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ข้อมูลที่บันทึกไว้ยังสามารถนำไปใช้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบไฟฉุกเฉินในอนาคตได้อีกด้วย สรุปบทความ  ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความปลอดภัยของอาคารและผู้ใช้อาคารเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ด้วยความสามารถในการจ่ายไฟสำรอง ตรวจสอบระบบอัตโนมัติ และแจ้งเตือนความผิดปกติ ทำให้ระบบไฟฉุกเฉินมีความพร้อมใช้งานอยู่เสมอ การลงทุนติดตั้งตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินที่มีคุณภาพ เช่น ไฟฉุกเฉิน SUNNY รุ่น INV 220V Series จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอาคารทุกประเภท ไม่เพียงแต่เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและความอุ่นใจของทุกคนในอาคาร ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ตู้ควบคุมไฟฉุกเฉินรุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับระบบความปลอดภัยของอาคารให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ไม่คาดฝัน

Read More »
แชร์ 13 วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ที่ควรรู้ไว้เผื่อยามคับขัน
กิจกรรมเพื่อสังคม

แชร์ 13 วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ที่ควรรู้ไว้เผื่อยามคับขัน

ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนอาศัยบนตึกสูงกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนโด ออฟฟิศ หรือห้างสรรพสินค้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกที่เกิดเพลิงไหม้ได้เสมอ! ในวันนี้ Sunny Light Emergency ขอแชร์ 13 วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้พร้อมคำแนะนำในการอพยพหนีไฟอย่างปลอดภัยที่คนเมืองควรรู้!  13 วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ มีอะไรบ้าง?  เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมาอย่าเพิ่งตื่นตระหนก! วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จัก 13 วิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้เพื่อให้คุณหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยที่สุด 1. ตั้งสติให้ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้การตั้งสติให้ดีเป็นอย่างแรกที่ควรทำที่สุด เพราะอาการตกใจและตื่นตระหนกจะยิ่งทำให้ตัวคุณเป็นอันตรายและอาจอพยพหนีไฟได้ไม่ทันการณ์ พยายามหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มตั้งสติเพื่อมองหาทางออก 2. กดสัญญาณเตือนภัย หากอยู่ในอาคารที่มีสัญญาณเตือนภัย ควรกดทันทีเพื่อแจ้งเตือนผู้อื่นว่ามีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้น เพราะนี่ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนมีเวลาเตรียมตัวและอพยพได้ทันท่วงที 3. โทรศัพท์แจ้ง 199 หลังจากกดสัญญาณเตือนภัยแล้ว ควรโทรศัพท์แจ้งหน่วยงานดับเพลิงที่เบอร์ 199 โดยระบุสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจนที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว 4. หาผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูก ควันไฟสามารถทำให้คุณสำลักและหมดสติได้ การหาผ้าชุบน้ำมาปิดปากและจมูกจะช่วยกรองควันไฟและสารพิษออกไปได้บางส่วน ทำให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้นและเอาตัวรอดจากไฟไหม้ได้อย่างปลอดภัย 5. มองหาป้ายทางหนีไฟ เพื่อไปบันไดหนีไฟที่ใกล้ที่สุด ป้ายทางหนีไฟจะชี้เส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการอพยพหนีไฟออกจากตัวอาคาร ควรมองหาป้ายนี้และเดินทางไปยังบันไดหนีไฟที่ใกล้ที่สุด อย่าลืมใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไม่ควรดันกันเพื่อป้องกันการล้มหรือได้รับบาดเจ็บ 6. หลีกเลี่ยงการวิ่งหนีเข้าห้องหรือจุดอับ อย่าวิ่งเข้าห้องหรือพื้นที่ที่ไม่มีทางออกเด็ดขาด เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ เพราะจะทำให้คุณติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากต่อการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ ควรหาทางออกที่ปลอดภัยเช่นทางหนีไฟ 7. อย่าเปิดประตูทันที สำคัญมากหากคุณต้องการเอาตัวรอดจากไฟไหม้ ก่อนเปิดประตูควรตรวจสอบว่ามีความร้อนหรือควันออกมาจากประตูหรือไม่ โดยใช้หลังมือสัมผัสหากพบว่าร้อนมาก แสดงว่าไฟอยู่ใกล้ประตูไม่ควรเปิดประตูเพราะจะทำให้ไฟลามเข้ามาได้ 8. เคลื่อนย้ายด้วยวิธีหมอบคลานต่ำหรือย่อตัวให้ได้มากที่สุด เมื่อเกิดไฟไหม้ควันและความร้อนจะลอยตัวสูง ดังนั้นควรหมอบคลานต่ำเพื่อให้หายใจได้ดีขึ้นและป้องกันการสูดควันมากเกินไปจนสำลักควันหรือเป็นลมจากการสัมผัสควันได้  9. ห้ามใช้ลิฟต์อย่างเด็ดขาด ลิฟต์คือสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ เพราะคุณอาจติดอยู่ระหว่างชั้นได้อีกทั้งควันไฟอาจลอยเข้ามาในลิฟต์ เพื่อการอพยพหนีไฟที่ปลอดภัยที่สุดควรใช้บันไดหนีไฟแทน 10. หากไฟไม่แรงมากให้ใช้ถังดับเพลิงดับไฟ ถ้าไฟยังไม่ลุกลามมากควรใช้ถังดับเพลิงที่อยู่ใกล้เคียง แต่ต้องแน่ใจว่าคุณรู้วิธีใช้งานและมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมไฟได้ อย่าเสี่ยงหากไม่มั่นใจเด็ดขาดเพราะอาจเป็นอันตรายต่อตัวเองได้ 11. หากไฟไหม้เสื้อผ้าให้กลิ้งตัวกับพื้น หากไฟติดเสื้อผ้าอย่าตื่นตระหนกและวิ่ง ให้หยุดและกลิ้งตัวไปกับพื้นเพื่อดับไฟ การกลิ้งจะช่วยลดออกซิเจนที่เป็นเชื้อเพลิงไฟทำให้ไฟดับได้เร็วขึ้น  12. หลีกเลี่ยงทางออกที่มีผู้คนแออัด หลีกเลี่ยงทางออกที่มีผู้คนแออัด เพราะทางออกที่มีคนแออัดอาจเกิดความวุ่นวายและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ควรมองหาทางออกที่มีผู้คนน้อยกว่าและปลอดภัยกว่า  13. หากติดอยู่ในห้อง ให้หาผ้าชุบน้ำอุดขอบประตู หน้าต่าง ถ้าติดอยู่ในห้องที่ไม่สามารถออกไปได้ ให้หาผ้าชุบน้ำและอุดตามขอบประตูและหน้าต่างเพื่อป้องกันควันไฟเข้ามาในห้อง และหาวิธีสื่อสารขอความช่วยเหลือจากภายนอก เช่น ใช้ไฟฉายหรือเคาะประตูอย่างต่อเนื่อง โทรหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ การเอาตัวรอดจากไฟไหม้

Read More »
6 วิธีป้องกันโจรขึ้นบ้านในช่วงวันหยุดยาวหรือไม่มีคนอยู่บ้าน
กิจกรรมเพื่อสังคม

6 วิธีป้องกันโจรขึ้นบ้านในช่วงวันหยุดยาวหรือไม่มีคนอยู่บ้าน

ช่วงวันหยุดยาวหรือช่วงที่ต้องเดินทางไกล หลายคนคงกังวลเรื่องความปลอดภัยของบ้านที่ปล่อยว่างไว้ใช่ไหมคะ? การป้องกันบ้านจากขโมยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง บทความนี้จะมาแนะนำ 6 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยจากปัญหาโจรขึ้นบ้าน แม้ในช่วงที่คุณไม่อยู่บ้านก็ตาม พร้อมแล้วไปป้องกันบ้านของคุณให้ปลอดภัยกันเลย! 6 วิธีป้องกันโจรขึ้นบ้านมีอะไรบ้าง? การป้องกันบ้านจากโจรขโมยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่คุณไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน เช่น ช่วงวันหยุดยาว การเดินทางไปต่างประเทศ หรือช่วงที่ทำงานล่วงเวลา การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยและการป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณอุ่นใจและลดความเสี่ยงที่จะถูกงัดแงะได้ มาดูกันว่ามีวิธีป้องกันอะไรบ้าง 1. ติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือสัญญาณเตือนภัย อย่างที่ควรทำเมื่อต้องการป้องกันโจรขึ้นบ้านคือ ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในและภายนอกบ้านได้ตลอดเวลา หากมีผู้บุกรุกเข้ามาคุณสามารถบันทึกภาพและคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐานให้ตำรวจได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเตือนภัยเมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ที่ติดตั้งเซนเซอร์ สัญญาณเตือนจะดังขึ้นทำให้โจรตกใจและหลบหนีก่อนลงมือขโมยทรัพย์สิน 2. ตรวจสอบความแข็งแรงของรั้วบ้าน รั้วบ้านเป็นด่านแรกที่ช่วยป้องกันโจรขึ้นบ้าน การตรวจสอบความแข็งแรงของรั้ว เช่น รั้วที่มีความสูงเพียงพอและยากต่อการปีนเข้ามาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากนี้ การเพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งรั้วลวดหนามหรือแผงรั้วไฟฟ้าก็สามารถช่วยป้องกันการบุกรุกได้ 3. ตรวจสอบกลอนประตู ลูกบิดประตู และหน้าต่าง กลอนประตู ลูกบิดประตู และหน้าต่างควรมีความแข็งแรง ยากต่อการงัดแงะ และได้รับการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการติดตั้งลูกกรงเหล็กดัดหรือกุญแจเสริมพิเศษที่ยากต่อการทำลาย ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้โจรขโมยสามารถเข้าถึงตัวบ้านได้ง่าย ๆ 4. เก็บทรัพย์สินมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย การเก็บทรัพย์สินมีค่า เช่น เงินสด เครื่องประดับ หรือเอกสารสำคัญ ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟที่มีความแข็งแรงหรือห้องนิรภัยที่ล็อกอย่างแน่นหนา เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญหายหากเกิดเหตุการณ์โจรกรรม 5. ติดเหล็กดัดกันขโมย การติดเหล็กดัดกันขโมยที่หน้าต่างและประตูเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณ โดยเฉพาะในบริเวณที่เสี่ยงต่อการถูกงัดแงะเช่นชั้นล่างของบ้าน ห้องนั่งเล่น แต่ทั้งนี้ควรเลือกเหล็กดัดที่ทำจากวัสดุที่มีคุณภาพดีและมีความแข็งแรงทนทาน 6. ติดตั้งไฟฉุกเฉินอัตโนมัติหรือโคมไฟตั้งเวลา และการป้องกันโจรขึ้นบ้านอย่างสุดท้ายคือการติดตั้งไฟฉุกเฉินอัตโนมัติหรือโคมไฟตั้งเวลา เพื่อป้องกันการบุกรุกไฟฉุกเฉินอัตโนมัติจะเปิดทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหวใกล้บ้าน ทำให้โจรขโมยรู้สึกไม่ปลอดภัยและลดโอกาสที่จะเข้ามาภายในบ้านได้ นอกจากนี้การใช้โคมไฟตั้งเวลาสามารถตั้งค่าให้เปิด-ปิดไฟตามเวลาที่กำหนดได้ทำให้โจรเข้าใจว่ามีคนอยู่ในบ้าน บ้านของคุณจึงปลอดภัยยิ่งขึ้นแม้ไม่มีคนอยู่บ้านก็ตาม  การป้องกันโจรขึ้นบ้านต้องอาศัยความรอบคอบและการเตรียมพร้อมที่ดี การติดตั้งกล้องวงจรปิด การหมั่นตรวจสอบความแข็งแรงของรั้วบ้าน และการใช้เหล็กดัดกันขโมยจะช่วยให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สำหรับการเพิ่มความปลอดภัยในช่วงที่คุณไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน การติดตั้งไฟฉุกเฉินอัตโนมัติหรือโคมไฟตั้งเวลา เช่น ไฟฉุกเฉิน SUNNY รุ่น TM จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการป้องกันบ้านจากการบุกรุกของผู้ไม่หวังดี

Read More »
ไฟอัตโนมัติ
Uncategorized

เช็กข้อดีของไฟฉุกเฉินตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ พร้อมแนะนำรายละเอียดจาก SUNNY

ไฟอัตโนมัติ ดีไหม? มีประโยชน์อะไรบ้าง? ทำความรู้จักประโยชน์ของไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมแนะนำไฟอัตโนมัติ SUNNY ตัวช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยที่ทุกบ้านควรมี

Read More »
Uncategorized

แนะนำป้ายไฟทางออกฉุกเฉินรุ่นประหยัดพลังงานจาก SUNNY

แนะนำป้ายไฟทางออกฉุกเฉินรุ่นประหยัดพลังงานจาก SUNNY เพิ่มความปลอดภัยในบ้านและที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ประหยัดพลังงาน ใช้งานยาวนาน พร้อมติดตั้งง่าย

Read More »
ระบบความปลอดภัยในอาคาร สิ่งสำคัญช่วยเพิ่มความปลอดภัย
Uncategorized

ระบบความปลอดภัยในอาคาร สิ่งสำคัญช่วยเพิ่มความปลอดภัย

ผู้คนที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาล ล้วนต้องการความปลอดภัย ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบความปลอดภัยที่มีมาตรฐานมีส่วนช่วยทำให้ผู้คนผ่านพ้นวิกฤตเสี่ยงเหล่านั้นไปได้ หรืออย่างน้อยก็สามารถช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ทำความรู้จักระบบความปลอดภัยในอาคาร ระบบความปลอดภัยในอาคาร คือ ระบบที่ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการป้องกันหรือช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ภายในอาคารให้ปลอดภัย เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เสี่ยงอันตราย ยกตัวอย่างเช่น การโจรกรรม, เหตุการณ์ยิงกราด, การเกิดอัคคีภัย หรือการเกิดแผ่นดินไหว เป็นต้น  หลักการออกแบบระบบความปลอดภัย ถ้าพูดถึงหลักการออกแบบระบบความปลอดภัยจะประกอบไปด้วย 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบบ Passive และ แบบ Active โดยมีรายละเอียดดังนี้ ประโยชน์ของการมีระบบความปลอดภัย ระบบความปลอดภัยมีความสำคัญกับอาคารทุกรูปแบบ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ แต่หลายคนมักมองข้าม เพราะอาจคิดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีคำถามที่ว่า ควรติดตั้งระบบความปลอดภัยให้กับอาคารของคุณหรือไม่ มารู้ถึงประโยชน์เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจกันเลย 1. ป้องกันการสูญหาย ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมหรือภัยจากธรรมชาติ ล้วนนำมาซึ่งความเสียหายทั้งสิ้น บางกรณีอาจเสี่ยงอันตรายถึงแก่ชีวิต จะดีกว่าไหมหากมีระบบความปลอดภัยคอยดูแล ช่วยป้องกันการสูญหายหรือสูญเสียได้ 2. ป้องกันอันตรายในพื้นที่ หากเกิดเหตุอันตรายขึ้น ระบบความปลอดภัยจะส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องและประสานงาน เข้าระงับเหตุร้ายอย่างทันท่วงที 3. ป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอก บางสถานที่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ยกตัวอย่างเช่น โครงการบ้านเดี่ยว โครงการคอนโดมิเนียม หอพักนักศึกษา การยืนยันตัวตนเพื่อเข้าพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากบุคคลภายนอก 4. ใช้สำหรับเป็นหลักฐาน สำหรับหลักฐานจากระบบความปลอดภัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในการดำเนินคดีตามกฎหมายและการเคลมประกัน เรียกได้ว่าคุ้มแบบสองต่อ เพราะนอกจากจะไร้กังวลเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังสามารถใช้ข้อมูลเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงได้อีกด้วย รูปแบบระบบความปลอดภัยในอาคาร มีอะไรบ้าง หลังจากทราบถึงประโยชน์และตัดสินใจเลือกใช้ระบบความปลอดภัย ลำดับต่อไปนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักระบบความปลอดภัยทั้ง 5 รูปแบบ จากนั้นมาเลือกรูปแบบที่ใช่และเหมาะสมกับอาคารของคุณกันเลย 1. ดูแลความปลอดภัยด้วยเจ้าหน้าที่ รปภ. อาคารที่ใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยมักเลือกใช้ระบบความปลอดภัยรูปแบบนี้ เนื่องจากเป็นความปลอดภัยของผู้อาศัย หากเกิดเหตุร้ายเจ้าหน้าที่ รปภ. สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที 2. ระบบควบคุมการเข้า – ออกประตู ถือเป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่ได้รับความนิยมสูง มีหลายฟังก์ชันให้เลือกใช้ เช่น ระบบคีย์การ์ด, ระบบสแกนนิ้วมือ, ระบบสแกนใบหน้า หรือระบบป้อนรหัสผ่าน เป็นการป้องกันบุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ 3. ติดตั้งกล้องวงจรปิด แน่นอนว่าไม่มีใครเฝ้าสถานที่หรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าได้ตลอด 24

Read More »
รวมเรื่องสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LiFePO4)
Uncategorized

รวมเรื่องสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LiFePO4)

การพัฒนาของเทคโนโลยีพลังงาน ส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น จากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบมีสาย แปรเปลี่ยนมาเป็นแบบไร้สาย หรือที่เรียกว่าอุปกรณ์พกพา ซึ่งถือว่าเป็นอีกขั้นของความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมพลังงาน และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟสมีความเกี่ยวข้องอย่างไร บทความนี้สรุปคำตอบมาไว้ให้แล้ว ทำความรู้จักแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LiFePO4) แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส หรือที่หลายคนเรียกว่า แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟส เป็นแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่มีความจุสูง ถูกจัดอยู่ในประเภทแบตเตอรี่คุณภาพสูง เนื่องจากสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นิยมนำไปเป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้พลังงาน ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้า, โน๊ตบุ๊ค, โทรศัพท์มือถือ, แบตเตอรี่สำรอง หรือโคมไฟฉุกเฉิน เป็นต้น คุณสมบัติของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LiFePO4) คุณสมบัติที่ทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟสได้รับความนิยมสูง คือ ความคงที่ในการจ่ายพลังงาน หรือเรียกง่ายๆ ว่าการจ่ายไฟ ถึงแม้ว่าไฟในแบตเตอรี่จะใกล้หมด แต่ความแรงในการจ่ายไฟก็ไม่มีสะดุด อีกทั้งเมื่อนำกลับมาชาร์จใหม่ สามารถชาร์จเต็มความจุในระยะเวลาอันสั้น สะดวกต่อการใช้งาน อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LiFePO4) อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟสจะขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1 – 1.5 ปี ข้อควรระวัง ไม่แนะนำให้ซื้อสำรอง เนื่องจากแบตเตอรี่ชนิดนี้มีอายุการใช้งานของตัวมันเอง ไม่ว่าจะใช้งานหรือไม่ใช้งาน สภาพของแบตเตอรี่ก็จะค่อยๆ เสื่อมลงอยู่ดี วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LiFePO4) ถึงว่าแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟสจะขึ้นชื่อในเรื่องความทนทาน แต่ถ้าดูแลรักษาไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนถึงกำหนดอายุการใช้งานได้ ซึ่งวิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟสมีเพียง 3 ข้อง่ายๆ ดังนี้ 1. อย่าใช้จนแบตหมดเกลี้ยง การที่แบตเตอรี่ไม่มีไฟหล่อเลี้ยง ถือเป็นการเร่งระยะเวลาให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้ไฟจนหมด หากพบว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมด ควรหยุดใช้และนำไปชาร์จไฟทันที 2. เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม แบตเตอรี่ถือเป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน หากจัดเก็บในอุณหภูมิที่สูงเกินไป หรือมีความชื้นมากเกินไป จะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมไวขึ้น ในกรณีร้ายแรง อาจเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้นควรเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม 3. ใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ได้มาตรฐาน แม้ว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟสจะมีคุณภาพสูงเพียงใด แต่ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้วงจรชาร์จไฟที่ไม่มีมาตรฐาน จะทำให้คุณภาพของแบตเตอรี่ลดลงทันที เพราะการชาร์จไฟเข้าแบตที่ถูกต้อง ควรเป็นการจ่ายไฟที่คงที่ เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ สรุปบทความ ปัจจุบันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟสยังได้รับการคิดค้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าในอนาคตแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟสจะเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ไฟฟ้า นับว่าเป็นมูลค่าที่มหาศาล สำหรับ Sunny Emergency Light ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนา ออกแบบ และผลิตอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย เล็งเห็นประโยชน์ของแบตเตอรี่ชนิดนี้ จึงนำมาต่อยอดนวัตกรรมระบบไฟฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟฉุกเฉิน SG Series,

Read More »